วันนี้...ขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงมาทันเวลาจริงๆ ก่อนที่จะทำสิ่งที่โง่เขลา
"เมื่อใจของข้าพระองค์ขมขื่น เมื่อข้าพระองค์เสียวแปลบถึงหัวใจ
ข้าพระองค์เขลาและไม่รู้เรื่อง ข้าพระองค์ประพฤติตัวเหมือนสัตว์ต่อพระองค์" (สดด.73:21-22)
หลายๆครั้งที่เรายินยอมให้ความขมขื่นเพราะอะไรบางอย่าง หรือกับใครบางคนเข้ามาครอบงำความคิดของเรา แล้วเราก็กักขังตัวเองไว้ในความสงสารตัวเอง และเฝ้าถามหาความยุติธรรมอยู่ที่ไหน? แถมบางทีเราก็ทำอะไรอย่างสิ้นคิด ตามอารมณ์ ประชดประชัน น้อยอกน้อยใจ หรือโกรธ ... เราได้เขลาและทำไปอย่างไม่รู้เรื่อง ทำตัวตามสัญชาตญาณเหมือนสัตว์ แบบว่า...พร้อมสู้เพื่อรักษาสัทธิ์ ในสภาวะเพื่อ "เอาตัวรอด" หรือคิดว่า "อดและทนมาพอแล้ว ขอทีเห่อะ...!"
เราได้ลืม "ความจริง" ว่าเราเป็นใคร? และเราได้ลืมว่า...พระเจ้าทรงเป็นผู้ใด? ทรงอยู่ในเราแล้วในขณะนี้ ... และเราได้มอบชีวิตของเราให้กับพระเจ้าทรงครอบครองแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่เราได้ตัดสินใจรับเชื่อ ฉะนั้น ...
"ข้าพเจ้าไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินโดยความเชื่อในพระบุตรของพระเจ้าผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า" (กท.2:20)
ใช่...เราลืมความจริงนี้ไปแล้วจริงๆ ว่าเราได้มอบชีวิตนี้แด่พระเจ้าไปหมดแล้ว เราเชื้อเชิญพระองค์เข้ามาในชีวิตเป็นเจ้านาย และองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแล้ว และขณะนี้...พระวิญญาณฯของพระเจ้าทรงประทับอยู่ภายในเรา ฉะนั้น...วันนี้ หากเรายินยอมให้ความขมขื่น ความเจ็บช้ำนั้นอยู่ในหัวใจของเรา และไม่ยอมจะให้อภัย หรือบางที...บางคนอาจจะคิดว่า "ไม่เป็นฉัน...ก็ไม่รู้สึกหรอกว่ามันเจ็บปวดมากแค่ไหนที่ 'มัน' คนนั้นได้ทำกับฉัน? และไม่รู้หรอกว่า "มัน" คนนั้นได้ทำอะไรกับฉันบ้าง?"
โอ...เราช่างเขลาจริงๆ มีสิ่งใดที่ปิดซ่อนจากพระเจ้าได้อีกหรือ? "พระเนตรของพระองค์เห็นข้าพระองค์ตั้งแต่ยังไม่เป็นรูปทรง วันทั้งสิ้นที่กำหนดให้ข้าพระองค์นั้นถูกบันทึกไว้ในหนังสือของพระองค์ตั้งแต่ยังไม่มีวันนั้นเลย" (สดด.139:16)
ไม่รู้หรือว่า การกระทำอย่างนั้น การคิดแบบนั้นเป็นการทำให้พระวิญญาณฯที่รักเรานั้นเสียพระทัย และเราก็ได้ทำให้การตายของพระคริสต์ไร้ค่าจริงๆ (อฟ.4:30-31)
และทำไมเราทำไม่ได้ อภัยไม่ได้ ก็เพราะว่าเราเอาแค่คิดถึงความเจ็บปวด และพูดเยินยอความเจ็บช้ำนั้นไม่เลิก เรากำลังยกเครดิตให้มันยิ่งใหญ่กว่าพระเจ้าของเราเสียอีก เราลืมแล้วหรือว่า... "เราได้ตายแล้วจากความรู้สึกเหล่านั้น" และบัดนี้เราก็มีชีวิตใหม่อยู่ในพระคริสต์เรียบร้อยแล้ว เราย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตไม่ได้ และความเจ็บช้ำทั้งหลายก็เป็นเรื่องราวเป็นประวัติศาสตร์ของชีวิตเรา ... ทำไม เราไม่เชื่อหรือว่าพระเจ้าทรงรักเรามากขนาดไหน ทรงสละพระบุตรองค์เดียวแก้วพระเนตรของพระองค์มาตายอย่างทรมานเพื่อไถ่เราจากความเจ็บปวดทั้งสิ้นในอดีต เพื่อที่เราจะมีชีวิตใหม่ในปัจจุบัน และเราจะสามารถสร้างวันพรุ่งนี้ให้เป็นอดีตที่สวยงามใหม่ของเราได้จริงๆ
จงเลิกยกย่องอดีตที่เจ็บปวด หันมายกย่องสรรเสริญพระเจ้าแทนดีกว่า รู้ไหม...คนที่เอาแต่ไปพรรณาถึงบาดแผลในอดีตที่เกิดเพราะบางสิ่งหรือกับใครบางคนไม่หยุดนั้น เขาเป็นคนที่น่าสงสารจริงๆ เพราะเขาชอบที่จะเป็น "นักโทษ" มากกว่าที่จะเป็น "อิสระ" จริงๆ
พูดไป บ่นไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกนะ ... มีแต่จะเลวร้ายลงเรื่อยๆ และที่สำคัญคำพูดของเราในวันนี้ ไม่นานก็จะวนกลับมาทำร้ายเราเองเข้าสักวันแน่ๆ ... จงเข้ามายกย่องและสรรเสริญพระเจ้าดีกว่า อย่าลืมสิ...เราลูกใคร เราลูกพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ เรามีสิทธิอำนาจยิ่งใหญ่กว่าฤทธานุภาพของศัตรู (มาร) ไม่มีอะไรจะมาทำอันตรายพวกเราได้เลย (ลก.10:19) หากว่าเราไม่ยินยอม เพราะ.."ทุกสิ่งที่เรากล่าวห้ามในโลก ก็จะถูกห้ามในสวรรค์ด้วย และสิ่งใดที่เรากล่าวอนุญาตในโลก ก็จะได้รับการอนุญาตในสวรรค์ด้วย" (มธ.16:19)
ว้าววววว...เรามีสิทธิอำนาจถึงเพียงนี้ แล้วเราเคยใช้บ้างหรือยัง? รู้ไหม...คนโง่ที่สุด คือ เมื่อรู้ว่าตัวเองมีอะไรในมือแต่ก็ไม่เคยใช้มันเพื่อประโยชน์ของตัวเองเลยยังไงละ?
วันนี้...เรายินยอมให้ความเจ็บปวด ขมขื่น การไม่ยอมให้อภัยนั้นอยู่ในเรา หรือเราสั่งมันว่า จงไปเสียให้พ้นไอ้ความเจ็บปวด ความขมขื่น และการไม่ให้อภัย...
อธิษฐานแบบนี้สิ...;
"เพราะบัดนี้ ข้าจะเริ่มต้นใหม่กับชีวิตใหม่ เพราะพระเจ้าพระบิดาของข้าได้สะสมสิ่งดีๆมากมายไว้รอข้าแล้ว และถึงเวลาแล้วที่ข้าจะทิ้งสิ่งเก่าเพื่อจะคว้าสิ่งใหม่ที่ดีกว่า ประเสริฐกว่า ไม่ว่าจะอาชีพที่ดี ครอบครัวที่ดี สุขภาพที่ดี การเงินที่ดี การเรียนที่ดี คู่ชีวิตที่ดี คริสตจักรที่ดี พี่น้องที่ดี รถที่ดี และอื่นๆอีกที่ดีๆนับไม่ถ้วนที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้สำหรับคนที่รักพระนามของพระองค์ ฉะนั้น...วันนี้ ข้าจะไม่ยอมให้อดีตที่เจ็บปวดมาฉุดรั้งข้าอีกต่อไป ข้าขอเลิกกับเอ็งไอ้ความเจ็บปวด ความขมขื่นและการไม่ให้อภัย จิตใจของข้าไม่มีที่ว่างสำหรับเอ็งอีกต่อไป และจงไปให้พ้นจากข้า อย่าได้กลับมาอีก เพราะนับจากนี้ข้าจะหันไปรักแต่พระเจ้าองค์เดียว และทุกพื้นที่ในหัวใจนี้มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ครอบครอง ... ในพระนามพระเยซูคริสต์ เอเมน"
แค่นี้...เสรีภาพที่แท้จริงก็เกิดขึ้นกับเราแล้วละ แล้ววันนี้..."เหตุฉะนั้น เมื่อเราได้รับอาณาจักรที่ไม่สั่นสะเทือนแล้ว ก็ให้เรามีใจขอบพระคุณ โดยเหตุนี้เราจึงนมัสการอย่างที่ชอบพระทัยของพระเจ้า ด้วยความเคารพและด้วยความยำเกรง" (ฮบ.12:28)
และเชื่อสิ...การไปโบสถ์ของเราในวันนี้จะไม่เหมือนเดิม เมื่อเราได้พบพระคริสต์แล้วสิ่งสารพัดที่เก่าๆจะหลุดร่วงไป นี่แน่ะจะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งสิ้น
พระเจ้าอวยพระพร นอนหลับฝันดีในอ้อมกอดแห่งพระคุณพระเจ้านะค่ะ
"เมื่อใจของข้าพระองค์ขมขื่น เมื่อข้าพระองค์เสียวแปลบถึงหัว
ข้าพระองค์เขลาและไม่รู้เรื่อง ข้าพระองค์ประพฤติตัวเหมือนสัตว
หลายๆครั้งที่เรายินยอมให้ความข
เราได้ลืม "ความจริง" ว่าเราเป็นใคร? และเราได้ลืมว่า...พระเจ้าทรงเป
"ข้าพเจ้าไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีว
ใช่...เราลืมความจริงนี้ไปแล้วจ
โอ...เราช่างเขลาจริงๆ มีสิ่งใดที่ปิดซ่อนจากพระเจ้าได
ไม่รู้หรือว่า การกระทำอย่างนั้น การคิดแบบนั้นเป็นการทำให้พระวิ
และทำไมเราทำไม่ได้ อภัยไม่ได้ ก็เพราะว่าเราเอาแค่คิดถึงความเ
จงเลิกยกย่องอดีตที่เจ็บปวด หันมายกย่องสรรเสริญพระเจ้าแทนด
พูดไป บ่นไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
ว้าววววว...เรามีสิทธิอำนาจถึงเ
วันนี้...เรายินยอมให้ความเจ็บป
อธิษฐานแบบนี้สิ...;
"เพราะบัดนี้ ข้าจะเริ่มต้นใหม่กับชีวิตใหม่ เพราะพระเจ้าพระบิดาของข้าได้สะ
แค่นี้...เสรีภาพที่แท้จริงก็เก
และเชื่อสิ...การไปโบสถ์ของเราใ
พระเจ้าอวยพระพร นอนหลับฝันดีในอ้อมกอดแห่งพระคุ