คนโง่ย่อมย่อมตกเป็นเหยื่อของคนฉลาด แต่คนฉลาดจะตกเป็นเหงื่อของคนแกล้งโง่ หากใครที่โง่ไม่เป็นย่อมไม่ค่อยก้าวหน้า แต่ใครที่โง่มากๆก็ยากที่จะเป็นใหญ่! คนภาคเหนือมีคำพูดว่า
“ล๊วกบ้านนอกบ่เต๊าสอกกอกในเวียง ล๊วกในเวียงบ่เปียงขี้คอก ล๊วกขี้คอกบ่เต๊าวอกขี้ยา ล๊วกขี้ยาบ่เต๊าฮาจะหื้อ” คำแปลจากไทยเหนือเป็นไทยกลางคือ “ล๊วก”
หมายถึงฉลาด หลักแหลม และมีไหวพริบดี แต่บางทียังหมายถึงเป็นพวกฉลาดแกมโกง(แบบศรีธนนชัย)อีกด้วย ที่เรียกว่า “วอกนัก” นั่นแหละ คือ คนฉลาดอยู่บ้านนอกชนบทก็สู้พวกที่อยู่ในเมืองไม่ได้ คนหลักแหลมที่อยู่ในเมืองก็สู้คนที่ติดอยู่ในคุกไม่ได้ คนฉลาดที่อยู่ในตะรางก็สู้พวกขี้ยา(ติดยาเสพติด)ไม่ได้ และพวกขี้ยาก็สู้ไม่ได้กับพวกที่ยืมเงินเขาแล้วบอกว่าจะใช้คืนให้ แต่ไม่ยอมคืนซักที!
อย่างแรก SQ - Spiritual Quotient
นี่พูดในแง่ของคริสเตียนก็คือ เป็นคนที่ประกอบด้วยผลแห่งพระวิญญาณของพระเจ้า คือ “มีความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความซื่อสัตย์ ความสุภาพอ่อนน้อม และการรู้จักบังคับตน” (กท. ๖.๒๒-๒๓) ลองกลับไปดูในพระคัมภีร์ว่า มีใครบ้างที่มี “ผลแห่งพระวิญญาณ” แน่นอน คนแรกคือพระเยซูคริสต์ คนต่อๆมาคือพวกอัครสาวกทั้งหลาย จนถึงปัจจุบันนี้ก็คือ นักเทศน์ ศิษยาภิบาล ผู้นำคริสตจักรและองค์กร รวมไปถึงพวกเราคริสเตียนทุกคนที่ติดสนิทอยู่กับพระเจ้า
พระคัมภีร์พูดถึง “ผลของพระวิญญาณ” คือ karpos pneuma (คาร์พอส พะนืมา) มันไม่ใช่เป็นผลเดียวที่แยกกันอยู่ต่างหากเช่น มะม่วง ส้มโอ แต่หมายถึงมีลักษณะเป็นพวงอยู่รวมกันเช่นพวงองุ่น (มธ. ๒๑.๓๔) และทุกผลในพวงก็เจริญเติบโตขึ้นและคงอยู่ตลอดไป (มธ. ๒๑.๔๓, ยน. ๑๕.๑๖)
ขอให้เราดูรากศัพท์ในภาษากรีกสักเล็กน้อย ถึง “ผลของพระวิญญาณ” มีทั้งหมด ๙ ประการ คือ
๑.ความรัก agape (อากาเพ) เป็นผลแห่งพระวิญญาณอย่างแรก เป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้จากเบื้องบน เป็นความรักอย่างแท้จริงและถาวรไม่หดหายหรือเสื่อมสลายด้วยกาลเวลาหรือสถานการณ์ ซึ่งจะดูลักษณะของความรักแท้ได้อย่างชัดเจนจากพระธรรม ๑ คร. ๑๓.๔-๗
๒.ความปลาบปลื้มใจ chara (คารา) เป็นผลแห่งพระวิญญาณ ซึ่งเป็นความชื่นชมยินดีที่เกิดขึ้นในชีวิตของคริสเตียนที่กลับใจบังเกิดใหม่แล้ว ซึ่งจะไม่มีใครแย่งชิงความปลื้มปีตินี้ไปจากเราได้ และนับวันจะเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นจนเต็มเปี่ยม (ยน. ๑๖.๒๑-๒๒,๒๔)
๓.สันติสุข eirene (เอเรเน) เป็นผลแห่งพระวิญญาณ ซึ่งพระคัมภีร์แปลคำนี้ในหลายความหมายด้วยกัน เช่น สันติภาพหรือความสงบสุข (มธ. ๑๐.๑๓) เป็นมิตรไมตรีกัน (กจ. ๑๒.๒๐) เข้ากันได้เป็นอย่างดี คนไทยบอกว่า “เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย” (ฮบ. ๑๑.๓๑) นี่เป็นคำเดียวกันกับที่พระเยซูตรัสว่า “เรามอบสันติสุขให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขที่เราให้แก่ท่านนั้นไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตกและอย่ากลัวเลย” (ยน. ๑๔.๒๗)
๔.ความอดกลั้น makrothumia (มาครอธูเมีย) เป็นผลของพระวิญญาณที่อยู่ในชีวิตของผู้เชื่อ หมายถึงความอดทนอดกลั้น (รม. ๒.๔) พระคัมภีร์บอกว่า พระเจ้าทรงอดกลั้นพระทัยไว้นาน (รม.๙.๒๒) เปาโลพูดถึงความไม่โกรธเร็ว(๒ คร. ๖.๖) และความอดทนนาน (อฟ. ๔.๒) เปโตรกล่าวถึงการงดโทษไว้ก่อน (๑ ปต. ๓.๒๐) หรือความพากเพียร (ฮบ.๖.๑๒)
๕.ความปรานี chrestotes (คะรสทอเทส) เป็นผลของพระวิญญาณที่หมายถึงกรุณาคุณ (รม. ๒.๔) การทำความดี (รม. ๓.๑๒) และพระเมตตาอันใหญ่หลวงของพระเจ้า (รม. ๑๑.๒๒) หากไม่มีสิ่งนี้ การมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ก็เป็นเรื่องที่น่ากลัว
๖.ความดี agathosune (อากาธอสซูเน) เป็นผลของพระวิญญาณที่สำคัญ หมายถึงความดี ความประเสริฐ สิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งที่ชอบ ความเมตตากรุณา มีสัมมาอาชีพและไม่มีทีติ (อฟ.๕.๙, ๒ ธส. ๑.๑๑, รม.๑๕.๑๔) คำนี้คล้ายกับคำว่า kalos (คาลอส) ซึ่งในภาษาลาตินว่า honestus (ออนเนสทัส) หมายถึงความดี ความซื่อสัตย์ ความงาม ใจเมตตา น่านับถือ ความรัก น่าชื่นชมยินดีและเป็นของแท้
๗.ความซื่อสัตย์ pistis (พิสทิส) เป็นผลของพระวิญญาณคือความเชื่อ ความวางใจหรือไว้วางใจ (มธ. ๑๕.๒๘) ความแน่ใจ (กจ. ๑๗.๓๑) คำปฏิญาณ (๑ ทธ. ๕.๑๒) และหลักคำสอนที่เชื่อถือได้ (ยด. ๓) จริงใจและตรงไปตรงมา ไม่ใช่ลักษณะของ “ยิ้มซ่อนมีด” หรือปากว่าตาขยิบ
๘.ความสุภาพอ่อนน้อม prautes (พราอูเทส) ผลของพระวิญญาณแบบนี้คือใจที่สุภาพ (คส. ๓.๑๒) ความมีอัธยาศัยไมตรี (ทต. ๓.๒) และน้อมใจยอมรับพระวจนะของพระเจ้า (ยก. ๑.๒๑) พระคัมภีร์ว่าไงก็ว่างั้น ไม่พลิกแพลงตะแบงความเพื่อความชอบและประโยชน์ของตนเอง
๙.การรู้จักบังคับตน engkrateia (เองคราเทอา) เป็นผลของพระวิญญาณอับดับสุดท้าย แต่มีความสำคัญยิ่ง หมายถึงความอดกลั้นใจในทางเพศ (กจ. ๒๔.๒๕) เปโตรนำคำนี้มาใช้ในความหมายของการรู้จักเหนี่ยวรั้งตน (๒ ปต.๑.๖) พระวิญญาณจะเป็นผู้บอกแก่เราว่า อะไรควรและอะไรไม่ควร
อย่างที่สอง IQ – Intelligent Quotient
เป็นความฉลาดทางสติปัญญา ซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่คนของพระองค์ พระธรรมสุภาษิตกล่าวว่า “ความยำเกรงพระเจ้าเป็นบ่อเกิดแห่งความรู้” (สภษ. ๑.๗) สติปัญญามีสองด้านคือ ทางฝ่ายโลกนี้และทางฝ่ายจิตวิญญาณ ไอคิวเป็นความฉลาดทางด้านวิชาการ ความสามารถในการคิดใคร่ครวญและหาเหตุผล ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่าการเลี้ยงดูและอาหารการกินมีส่วนช่วยเสริมสร้างสติปัญญา มีการสำรวจพบว่าคนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต ไอคิวมีส่วนช่วยถึงร้อยละ ๒๐ ทีเดียว
อย่างที่สาม EQ – Emotional Quotient
เป็นความฉลาดทางด้านอารมณ์ ซึ่งเป็นความสามารถที่จะล่วงรู้ถึงความรู้สึกของตนเองและของผู้คนที่อยู่รอบข้าง การล่วงรู้นี้เองทำให้มีการปรับเปลี่ยนความรู้สึก ยืดหยุ่น และสามารถควบคุมอารมณ์และการแสดงออกมาอย่างเหมาะสม และในทางที่ถูกที่ควรได้ สังเกตไหมมีหลายคนที่เฉลียวฉลาด แต่ไม่สามารถที่จะเข้ากับใครได้ เข้าที่ไหนวงแตกที่นั่น เพราะมีไอคิวแต่ขาดอีคิว!พ่อแม่คนไทยมักเน้นให้ลูกเป็นคนฉลาดอย่างเดียว เด็กจึงไปไม่ได้ไกล เข้าทำนอง “ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด” นั่นไง พอผู้คนไม่ยอมรับก็มาโวยวายโทษว่าเพราะ “สังคมมันเส็งเค็งเฮยซวย” แทนที่จะโทษตัวเอง (เฮ้อ เศร้า!) คนที่มีอีคิวจะรู้จักปรับเปลี่ยนท่าทีและความรู้สึกได้อย่างทันเวลา เป็นคนที่มองโลกในแง่บวกและสามารถสร้างสรรค์แรงบันดาลใจให้ตนเองได้ มีการวิจัยพบว่า ระดับอีคิวมีผลต่อความสำเร็จในการทำงานมากกว่าไอคิวถึง ๘๐ เปอร์เซ็นต์ เราเห็นว่าไม่มีใครที่มองโลกในแง่บวกเท่ากับโยบ ขณะที่เขาสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดสิ้น โยบยังกราบลงถึงดินนมัสการพระเจ้า และกล่าวว่า “ข้าพเจ้ามาจากครรภ์มารดาของข้าพเจ้าตัวเปล่า และข้าพเจ้าจะกลับไปตัวเปล่า พระเจ้าประทานและพระเจ้าทรงเอาไปเสีย สาธุการแด่พระนามพระเจ้า” ในเหตุการณ์ทั้งสิ้นนี้ โยบมิได้ทำบาปหรือกล่าวโทษพระเจ้าเลย” (โยบ. ๑.๒๐-๒๒)คิดได้อย่างงี้สบายใจจัง เงินทอง ชื่อเสียงตำแหน่ง และอะไรๆในโลกนี้ มันมาได้มันก็ย่อมไปได้ เราไม่แปลกใจว่าทำไมในบั้นปลาย โยบสามารถกลับฟื้นคืนสู่สภาพปกติได้และดีกว่าเดิมเท่าตัว!
อย่างที่สี่ MQ – Moral Quotient
เป็นความฉลาดทางด้านศีลธรรม จริยธรรม คนแบบนี้จะรู้จักผิดชอบชั่วดี มีความยับยั้งชั่งใจ (รู้จักพอ) มีความซื่อสัตย์สุจริต มีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อตนเอง ต่อครอบครัว ต่อสังคมและประเทศชาติบ้านเมือง ไม่เห็นแก่ตัวหรือเอาแต่พรรคพวกของตนเอง พระคัมภีร์เน้นว่า “ให้มีความรักซึ่งเกิดจากใจอันบริสุทธิ์ และจากจิตสำนึกว่าตนชอบ และจากความเชื่ออันจริงใจ เพราะมีบางคนได้ผิดไปจากจุดประสงค์ เลี่ยงไปจากสิ่งเหล่านี้” (๑ ทธ. ๑.๕-๖) คนที่มีเอ็มคิวจะสามารถอยู่ร่วมทำงานกับคนอื่นได้อย่างมีความสุข และประสบความสำเร็จในชีวิตและมีความก้าวหน้าในทุกๆด้าน
อย่างที่ห้า CQ – Creativity Quotient
คือความเฉลียวฉลาดในความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีจินตนาการและคิดค้นสิ่งใหม่ๆ เขาว่าคนไทยเราขาดแคลนซีคิวเอามากๆ พวกเราหลายคนมีความคิดสร้างสรรค์ แต่ว่าขาดการต่อเนื่องและการสนับสนุน ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงเป็นแค่นักดัดแปลง นักลอกเลียนแบบเท่านั้น ไม่แปลกใจว่าทำไมเทปผีซีดีเถื่อน เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า นาฬิกา และของพวกแบรนด์เนมจึงกลาดเกลื่อนเต็มเมืองไทยของเรา ถูกตำรวจจับและกวาดล้างเท่าไหร่ๆก็ไม่หมดซะทีในปฐมกาลบทที่ ๑-๓ พระเจ้าของเราเป็นสุดยอดของซีคิว จากความว่างเปล่าและไม่มีอะไรเลยในจักรวาล พระองค์ตรัสว่า “โลก แผ่นดิน น้ำ สัตว์ พืชและมนุษย์จงเกิดขึ้น” ทุกอย่างก็อุบัติขึ้นในพริบตา “และพระองค์ทรงเห็นว่าดี” ตรงกันข้ามกับมารซาตานที่มันเห็นว่าทุกสิ่งในโลกนี้ “ไม่ดี” แม้เมื่อมนุษย์หลงไปในความผิดบาป พระเจ้าก็ทรงเรียกพวกเขากลับมาและทำการปฏิรูปใหม่ “เหตุฉะนั้น ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นเป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะ กลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น” (๒ คร. ๕.๑๗) ผู้ที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ จึงเป็นคนที่มีซีคิวอย่างแท้จริง!
อย่างที่หก PQ – Play Quotient
คือความเฉลียวฉลาดในการเล่น และเรียนรู้จากการเล่นนั้นๆ สนุกสนาน ตื่นเต้นและมีชีวิตชีวา รู้แพ้รู้ชนะ พร้อมทั้งมีความคิดสร้างสรรค์ในการเล่นด้วย เป็นคนที่รู้ว่าเวลาไหนควรเรียน เวลาไหนควรทำงาน เวลาไหนควรพักผ่อนและเวลาไหนควรเล่น บางคนแยกไม่ออก และยึดถือเอาการเล่นเป็นการพนัน world cup 2010 ฟุตบอลโลกที่อาฟริกาใต้ที่ผ่านมา ทำเอาหลายคนกระเป๋าฉีกไปตามๆกัน เพราะไปเชื่อและวางใจในเจ้าพอลปลาหมึกเพียงตัวเดียว แทนที่จะดูกีฬาให้เป็นกีฬาและมีความสุขอยู่กับเกมนั้น วันก่อนผมไปธุระที่ธนาคารแห่งหนึ่ง รู้สึกแปลกใจว่าวันนี้ทำจึงมีหน่วยรักษาความปลอดภัยเยอะเหลือเกิน เหลียวไปทางไหนก็พบแต่คนใส่ชุดสีน้ำเงินเข้ม ที่เอวมีวัตถุ(ปืน)ตุงออกมา ถึงบางอ้อเมื่อมีคนกระซิบว่า “ช่วงนี้มีการปล้นถี่มาก เพราะหาเงินไปใช้หนี้พนันบอล” เพื่อนคนหนึ่งบอกเราว่า “คนไทยมีการพนันอยู่ในสายเลือด ขนาดนกตัวหนึ่งบินมายังพนันกันเลยว่าตัวผู้หรือตัวเมีย” (ไม่ต้องฮาก็ได้) น่าศร้าใจที่ทุกวันนี้มีวัยรุ่นและเด็กคริสเตียนไม่น้อยที่ถ่างตาเล่นเกมส์ออนไลน์วันละหลายๆชั่วโมง (บางคนเล่นยันสว่าง) ถ้าเอาเวลาเหล่านั้นมารับใช้พระเจ้า ชีวิตของพวกเขาจะเป็นประโยชน์และรับพระพรอย่างมากทีเดียว
อย่างที่เจ็ด AQ – Adversity Quotient
คือความเฉลียวฉลาดในการแก้ปัญหาและเผชิญกับอุปสรรคที่เกิดขึ้น เอคิวเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยต่อการมีชีวิตและการทำงานทำการ เขาบอกว่าถ้าคุณมีไอคิว อีคิว แต่เอคิวมีน้อยจะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้ยาก ไม่สามารถแก้ไขปัญหาหรือต่อสู้กับมรสุมแห่งอุปสรรคที่มาขัดขวางได้ เอคิวจะทำให้คนๆนั้นมีความกระตือรือร้น มีความมุ่งมั่น และไม่ท้อแท้โดยง่าย คนที่มีเอคิวซึ่งมีพระเจ้าจะเป็นเหมือนกับนกอินทรีที่พระคัมภีร์กล่าวถึง “เขาทั้งหลายผู้รอคอยพระเจ้า จะเสริมเรี่ยวแรงใหม่ เขาจะบิน(ทะยาน)ขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งไปและไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย” (อสย. ๔๐.๓๑)
จอห์น ออร์เบิร์ก[2]ได้กล่าวถึง “การทะยานขึ้นของนักอินทรี” ดังนี้
หนึ่ง การกระพือปีก คือการขยับปีกขึ้นลงถี่ๆ เพื่อจะรักษาความสมดุลไว้ สามารถต้านแรงโน้มถ่วงของโลกได้ เหมือนดังที่นกฮัมมิ่งเบิร์ด ทรงตัวอยู่ในอากาศได้นานที่สุด แต่ในขณะเดียวกันปีกของมันต้องทำงานย่างหนักหน่วง มิฉะนั้นจะตกลงไป
สอง การร่อนในอากาศ เมื่อนกอินทรีบินไปได้ไกลพอสมควรแล้ว มันจะไถลตัวในอากาศ แล้วแต่ว่ามีความต้องการอย่างไร บางครั้งจะเหินตัวขึ้นและบางทีจะดำดิ่งลง นี่เป็นการสิ่งที่ง่ายกว่าการกระพือปีก เพียงอาศัยกระแสลมที่พัดมาเท่านั้น แต่การกระทำอย่างนี้มันแย่ตรงที่ว่า “ไปไม่ได้ไกลเท่าไหร่” และมันจะร่อนอยู่ได้ไม่นาน ก็ทนแรงโน้มถ่วงของโลกไม่ไหว
สาม การทะยานขึ้นของนกอินทรี ออร์เบิร์กกล่าวว่า มีนกเพียงไม่กี่ชนิดที่สามารถทำได้เช่นนี้ นกอินทรีมีปีกที่แข็งแรงมาก มันจะยืนอยู่ที่ชะง่อนผารอเวลาที่จะจับกระแสลมร้อนซึ่งพัดขึ้นจากพื้นดิน นกอินทรีจะกางปีกและยกตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว บางครั้งมันจะทะยานบินขึ้นสูงมากจนลิบสายตา โดยไม่ต้องขยับปีกแม้แต่ครั้งเดียว มันไปได้อย่างรวดเร็วราว ๘๐ ไมล์ต่อชั่วโมง (สุดยอดจริงๆ) เราไม่แปลกใจว่าทำไมผู้เผยพระวจนะสมัยโบราณจึงเข้มแข็งนัก มีคาห์ให้คำตอบว่า “แต่สำหรับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเต็มด้วยฤทธิ์เดช คือด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า” (มีคา. ๓.๘) แล้วเราก็ไม่ประหลาดใจที่อัครสาวกและคริสเตียนรุ่นแรกๆจึงร้อนรน ประกาศข่าวประเสริฐและตั้งคริสตจักรได้อย่างรวดเร็ว เพราะติดลมจากเบื้องบน “เขาเหล่านั้นก็ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์” (กจ. ๒.๓) ตามพระสัญญาของพระเจ้าคือ “เราจะเทฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณของเรา โปรดประทานแก่มนุษย์ทั้งปวง” (กจ. ๒.๑๗)คริสเตียนที่รัก
ให้เรามาแสวงหา spiritual quotient คือการประกอบด้วยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณกันเถอะ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น