วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Sandy L.


กลอนภาษาอังกฤษ


Don’t  forget  to  remember  me  and  the  love  that’s  used  to  be
I’m  still  remember  you  and  everything  we’re  used  to  do.
อย่าลืมฉัน  อย่าลืมวันที่เคยใกล้
อย่าลืมนึกถึงหัวใจ  ที่ใครหนึ่งฝากไว้ให้เธอดูแล


You’re  in  my  thought.
You’re  in  my  days  and  in  my  heart  always.
เธออยู่ในความคิดถึงและทุกที่ที่มีฉัน
เธออยู่ในคืนวัน  อยู่ในความผูกพันของหัวใจ


When  I  feel  happy, I  dare  to  laugh  among  people.
But  when  I  feel   blue  I’ve  just  to  cried  with  you
Because  you’re  the  only  one  who  understand  me.
เมื่อมีความสุข ฉันกล้าที่จะหัวเราะต่อหน้าใครต่อใครมากมาย
แต่ในยามทุกข์เศร้า เธอคือคนเดียวที่ฉันกล้าจะร้องไห้ต่อหน้า
เพราะฉันรู้...มีเพียงเธอเท่านั้นที่จะเข้าใจฉัน


I’ve  never  care  what  tomorrow  come
I’ve  care  just  only  today  that  l  have  you.
วันข้างหน้าเป็นอย่างไรไม่สำคัญ  ขอแค่รู้ว่าวันนี้นั้นยังมีเธอ


I’m  so  happy  to  be  near  you
And  give  the  best  things  to  you.
สุขที่ได้อยู่ใกล้...ใกล้กับเธอสุขที่ได้ให้เธอในสิ่งที่ดี


I’ve  know  for  a  long  time  how  much  you  care  me
And  how  much  I  meant  to  you
Thank  you  for  everything  you’ve  done  for  me
I’m  very  proud  to  have  you  in  my  life
I’ll  always  love  you  with  all  my  heart
ตลอดเวลาที่ผ่านมา กับความรู้สึกดีดีที่เธอมีให้
ฉันรับรู้และปลื้มใจ กับการเป็นคนที่มีความหมายสำหรับเธอ
ขอบคุณทุกสิ่งอย่าง ที่เธอได้สรรค์สร้างให้ฉันเสมอ
ภูมิใจที่ชีวิตนี้ได้มีเธอ คนที่ฉันรักเสมอทั้งหัวใจ


Sky  and  sea  meet  each  other  at  the  horizon
You  and  me  meet  each  other  at  love
ฟ้ากับน้ำ   พบกันที่ขอบฟ้าไกล หัวใจของเรา   พบกันที่ความรัก


I’ll  give  my  heart  to  you  weather  you’ll  keep  it  of  not
I’ve  just  only  want  you  to  know
I  care  and  love  you  a  lot.
ฝากหัวใจไว้ให้  จะเก็บไว้ตรงไหนก็ได้
ขอเพียงทุกที่ที่เธอไป จะรับรู้ถึงความห่วงใยที่หัวใจฉันมี


Love  and  care’s  binding  our  heart  to  be  one.
เพราะความรัก ความผูกพัน เราจึงรู้สึกเหมือนมีหัวใจดวงเดียวกัน


love
Love  is  colorful  like  flowers.
Your  love  is  the  most  beautiful  flower
that  I’ve  ever  had  in  my  life.
ความรัก   มีสีสันเหมือนดอกไม้  สวยสดและงดงาม
ความรักที่เธอมีให้   จึงเหมือนดอกไม้ที่สวยที่สุดในชีวิตของฉัน


Looking  in  your  eyes,  I  know  you  need  to  fine
A  love  to  mend  your  broken  heart,  So  let  me  give  you  mine.
หากคุณกำลังค้นหาใครสักคน เพื่อเยียวยาหัวใจอันหม่นไหม้
ฉันยังอยู่ตรงนี้ไม่มีใคร พร้อมจะทุ่มเทใจให้กับคุณ


From  now  on, It’s  the  beginning  of  two  hearts
That’s  re-union  into  one.  Walk  together  with  hand  in  hand
And  fill  the  heart  with  love  and  understand.
และนับจากวันนี้  นี่คือจุดเริ่มต้น
ที่หัวใจคนสองคน จะผูกพันด้วยความรู้สึกเดียว
เก็บเกี่ยวความฝัน ความรัก
ก้าวต่อไปข้างหน้าร่วมกันด้วยความเข้าใจ

Comes true...


I’ve  know  many  people  in  this  world  
But  l’ve  a  few  to  understand  and  truly  love  me.
One  of  them  is  you
มีคนมากมายในโลกกว้างที่ฉันรู้จัก  แต่มีอยู่น้อยคนคน
ที่ฉันมั่นใจว่ารักและเข้าใจฉันจริง  คนดี..เธอคือคนหนึ่งนั้น


You've  made  my  routine  days  become  more  meaning.
เธอทำให้วันคืนอันแสนธรรมดา  เป็นวันเวลาที่มีความหมาย


This  heart  of  flower  I  give  it  to  you.
Please  keep  it  closer  to  your  heart  too.
ดอกไม้ของหัวใจ  ฉันมีมามอบให้
เก็บเอาไว้นะ...อย่าปล่อยวาง  โปรดเก็บไว้ข้างๆ หัวใจเธอ


Everything  I  gave  you  won’t  make  me  lost.
Everything  you  gave  me  I  should  make  it  worth.
ทุกสิ่งที่ให้เธอ  ฉันไม่เคยรู้สึกสูญเสีย
ทุกสิ่งที่เธอให้  ฉันจะเก็บดูแลรักษาไว้ด้วยหัวใจ


Please  take  your  heart  out  of  cover
Let  me  help  you  discover  a  perfect  love.
Look  high, there’s  a  bright  and  blue  sky
Look  at  my  eyes, there’s  love  inside.
โปรดเปิดประตูหัวใจ  ให้ฉันได้เข้าไปค้นหาความรักที่งดงาม
ในวันที่ฟ้าคราม  เธอเห็นความรักในดวงตาของฉันไหม


My  hero  that  what  you  are  in  my  love  story  you’re  the  star.
It’s  you, so  sweet  and  true.
เธอคือคนดีในชีวิต     ทั้งในความคิด     ความใฝ่ฝัน 
ในเรื่องราวของความรักทุกคืนวัน     เธอคือพระเอกตลอดกาลนิรันดร์ไป


Remember  I’m  in  love  with  you.
Please  save  your  heart  for  me.
อย่าลืมนะว่าเรารักกัน
เพราะฉะนั้น กรุณาเก็บรักษาหัวใจของเธอไว้ให้ฉันด้วย


More  than  the  greatest  love  the  world  has  know
This  is  the  love  I’ll  give  to  you  alone
More  than  the  simple  words  I  try  to  say
I  only  live  to  love  you  more  each  day.
มากกว่าความรักทั้งหมดในโลกนี้ที่ฉันรู้จัก
คือความรักที่ฉันมีให้เธอ
มากกว่าถ้อยคำในโลกนี้ทั้งหมดก็คือ
ฉันจะมีชีวิตอยู่เพื่อรักเธอมากขึ้นทุกวัน


You’re  my  dream  that  comes  true.
เธอคือคนของความฝัน ที่ฉันค้นพบเจอในความจริง




วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Sky and sea

Sky  and  sea  meet  each  other  at  the  horizon
You  and  me  meet  each  other  at  love
ฟ้ากับน้ำ   พบกันที่ขอบฟ้าไกล หัวใจของเรา   พบกันที่ความรัก



I'll  give  my  heart  to  you  weather  you'll  keep  it  of  not
I've  just  only  want  you  to  know
I  care  and  love  you  a  lot.
ฝากหัวใจไว้ให้  จะเก็บไว้ตรงไหนก็ได้
ขอเพียงทุกที่ที่เธอไป จะรับรู้ถึงความห่วงใยที่หัวใจฉันมี



Love  and  care's  binding  our  heart  to  be  one.
เพราะความรัก ความผูกพัน เราจึงรู้สึกเหมือนมีหัวใจดวงเดียวกัน


Love  is  colorful  like  flowers.
Your  love  is  the  most  beautiful  flower
that  I've  ever  had  in  my  life.
ความรัก   มีสีสันเหมือนดอกไม้  สวยสดและงดงาม
ความรักที่เธอมีให้   จึงเหมือนดอกไม้ที่สวยที่สุดในชีวิตของฉัน



Looking  in  your  eyes,  I  know  you  need  to  fine
A  love  to  mend  your  broken  heart,  So  let  me  give  you  mine.
หากคุณกำลังค้นหาใครสักคน เพื่อเยียวยาหัวใจอันหม่นไหม้
ฉันยังอยู่ตรงนี้ไม่มีใคร พร้อมจะทุ่มเทใจให้กับคุณ


อ่ะ!!!ๆๆกำลังอินช่ายม่ะ..หุ..หุ...
From  now  on, It's  the  beginning  of  two  hearts
That's  re-union  into  one.  Walk  together  with  hand  in  hand
And  fill  the  heart  with  love  and  understand.
และนับจากวันนี้  นี่คือจุดเริ่มต้น
ที่หัวใจคนสองคน จะผูกพันด้วยความรู้สึกเดียว
เก็บเกี่ยวความฝัน ความรัก
ก้าวต่อไปข้างหน้าร่วมกันด้วยความเข้าใจ


It's  beautiful  world  because  you're  in  it.
เพราะโลกนี้มีเธออยู่จึงงดงาม


My  empty  night  and  day  is  coming  to  be  ful
When  I  met  you.
เมื่อพบเธอ คืนวันที่ว่างเปล่าก็เติมเต็ม



This  heart  of  flowers  arranged  with  love  and  care.
I  give  it  all  to  you  darling.  For  all  the  love  we  share.
ช่อดอกไม้แห่งดวงใจ ประดับด้วยความห่วงใยหวังดี
ทั้งหมดของความงดงามที่มี
ขอมอบแด่...เธอคนดี  ตราบนิรันดร์


I'm  willing  to  do  everything  for  you.  'Cause  I  love  you  true.
I've  never  expected  you'll  give  anything  back  to  me.
Please  keep  me  in  your  heart.
It's  the  only  thing  that  I  wish  to  be.
รักเธอเท่าที่หัวใจดวงหนึ่งจะรักได้
ทุกอย่างที่มีให้ด้วยความเจ็มใจเสมอ
ไม่คาดหวังอะไรแค่มีฉันอยู่ในใจเธอ...ก็เพียงพอ


When  I  feel  tired  and  blue.
Your  smile  strengthen  me  to  get  through.
หลายครั้งที่เธอเหนื่อยและท้อ ขอยังมีเธอยิ้มให้
ก่อเกิดพลังแรงใจ พร้อมจะสุ้ต่อไปอย่างอดทน


More  missing  made  me  love  you  more.
More  loving  made  me  give  you  more.
มากกว่าความคิดถึงคือความรัก
ทั้งหมดของความรักคือเธอ



Please  believe  me,  I  have  no  one  in  my  heart  expect  you.
เชื่อเถิดว่าในดวงใจ        ฉันไม่มีใครนอกจากเธอ



You're  the  beautiful  thing  in  my  life.
Like  the  flowers  blossom  in  my  heart
Never  fade  away, never  last.
เธอเป็นความงดงามของชีวิต เหมือนดอกไม้สถิตในหัวใจฉัน
ผลิบานหวานชื่นทุดคืนวัน ถักทอความฝันไม่โรยรา



You're  the  wonderful  thing  in  my  life.
You're  the  strength  that  made  me  go  ahead.
You're  my  faith  that  made  my  love  alive.
เธอเป็นความงดงามของชีวิต เป็นพลังให้คิดก้าวไปข้างหน้า
เธอคือแรงใจไฟศรัทธา  เธอคือวันเวลาของความรัก



We're each  other  meanings.  We're  each  other  dreams.
We're  each  other  loves.  It  would  be  never  changed.
คือความหมายของกันและกัน คือความฝันของใจและใจ
คือทุกสิ่งที่ให้และให้  คือรักจากใจที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง



I  want  you  to  know  that  you'll  always  in  my  heart
till  my  breath  is  last.
สิ่งหนึ่งที่อยากให้เธอรับรู้ ความรักจะยังอยู่ที่นี่
ตราบลมหายใจฉันยังมี ทุกอณุในใจนี้...มีแต่เธอ



I  hope  that  love  I've  given  you  will  be  kept  in  your  heart.
ฉันเพียงแต่เฝ้าหวังว่าความรักที่ฉันมีให้เธอด้วยใจจริงนั้น
เธอเต็มใจและพอใจที่จะเก็บไว้ในบางมุมของหัวใจ



Men'fies  light  the  corner  of  my  mind
It  let  my  heart  known  how  warm  it  touch.
Thank  you  very  much  for  that  good  old  days  we've  shared.
บางเวลา...ความทรงจำงดงาม ก็กลับมาเยือนในความคิดคำนึง
ให้หัวใจได้สัมผัสถึงความอบอุ่น และความหมายแห่งวันเวลา
ขอบคุณ..ที่เธอร่วมสร้างสรรค์สิ่งดีงาม
ในคืนวันที่ผ่านมาเหล่านั้น



The  warm  sunshine's  shining  trough  the  winter  sky
The  Cold  wind's  blowing  over  the  field  then  I  regard  in  mind
I'm  missing  you  all  the  time.
แดดอ่อนอุ่นทอทาบฟ้าใสในวันหนาว
ลมเย็นพรูพลิ้วผ่านทุ่งกว้าง  เหม่อมองไปสุดสายตา
คิดถึงคืนวันที่ผ่านมา คิดถึงบทเพลงรักหวาน คิดถึงเธอ


Many  words  of  love  never  mean
So  much  as  the  feeling  in my  heart.
กี่คำ  " รัก"  ก็ไม่เท่าที่ใจรู้สึก


Be  sure  that  I  love  you  only.
ยืนยันได้เสมอว่ารักเธอเพียงคนเดียว


The  love's  word  you've  said  made  me  feel  so  great.
I  promise  to  keep  it  at  the  best  place  in  my  heart.
คำว่า  " รัก"  ที่เธอเอ่ยออกมานั้น
ฉันขอสัญญามั่น  จะเก็บไว้เก็บรักษาอย่างดีที่หัวใจ 

วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ผีเสื้อกับวันพรุ่งนี้ที่รอเราอยู่


ผีเสื้อตัวหนึ่งไม่สวยงามเท่าไหร่

บางส่วนของปีกก็ขาดหายไป
และแรงโน้มถ่วงไม่เคยช่วยอะไร
แต่ผีเสื้อยังบินไปตามหัวใจ
และฉันเฝ้ามองมันอยู่อย่างนั้น
สะท้อนตัวฉันที่เป็นอย่างนี้
ชีวิตที่ฉันเผชิญและมีอยู่
วงล้อมมืดมนที่หมุนฉันอยู่
กรงล้อมกว้างใหญ่ที่ฉันไม่รู้
ความสมบูรณ์แบบอาจเป็นคำตอบ
คือแผลในใจที่ช่างลวงหลอก
ผีเสื้อเฝ้ามองฉันอยู่อย่างนั้น
กับคำถามมากมายในตาของมัน
สุดท้ายมันมองที่ปีกแล้วบอกกับฉันว่า
เราต่างมีพรุ่งนี้ที่รอเราอยู่เหมือนกัน
และวันนี้ที่รั้งเราไว้เช่นกัน
ด้วยอดีตปัจจุบันที่แตกต่างกัน
บาดแผลมากมายที่เรานั้นมี
สุขทุกข์มากคราวเป็นเพียงสายลม
ที่จะผ่านเข้ามาและจากเธอไปไม่นาน
ผีเสื้อเฝ้ามองฉันอยู่อย่างนั้น
กับคำถามมากมายในตาของมัน
สุดท้ายมันมองที่ปีกแล้วบอกกับฉันว่า
เราต่างมีพรุ่งนี้ที่รอเราอยู่เหมือนกัน
และวันนี้ที่รั้งเราไว้เช่นกัน
ด้วยอดีตปัจจุบันที่แตกต่างกัน
บาดแผลมากมายที่เรานั้นมี
สุขทุกข์มากคราวเป็นเพียงสายลม
ที่จะผ่านเข้ามาและจากเธอไปไม่นาน

วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555

ไปให้...ไกลกว่าเดิม


เมื่อทุกคนเล่าปัญหาของเขาให้เราฟัง มักจะนึกถึงข้อพระคัมภีร์

 สุภาษิต บทที่ 17 ข้อ 22 ว่า "ใจร่าเริงเป็นยาอย่างดี
แต่จิตใจที่หมดมานะทำให้กระดูกแห้ง"
นั่น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมาจากความเชื่อภายในจิตใจ
วัยรุ่นหลายคนต้องเผชิญกับปัญหาการแยกทางกันของพ่อแม่แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มี
ปัญหา หลายคนเคยต้องอยู่อย่างลำบากและไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่กลายเป็นโจรผู้ร้าย ก่อนอื่นเราต้องยอมรับว่าปัญหาก็คือปัญหา
เราจะแสร้งทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้เลย
แต่เราสามารถเลือกได้ว่าจะจมกับปัญหาไปเรื่อยๆ
หรือเลือกจะหลุดจากวังวนของปัญหา ในวัยเด็กคงไม่สามารถออกจากบ้านได้
ถ้าเราเอาแต่คิดว่าหมาดำตัวนั้นจะฆ่าเด็กอย่างเรา และแม้สุดท้ายจะโดนหมากัดเข้าจริงๆ
มันก็ไม่สามารถฆ่าผมได้ อย่างมากก็แค่เจ็บ
ยกเอาพระคัมภีร์สั้นๆ ตอนนี้เพื่อฝากข้อคิด...เชื่อว่าสามารถทำให้
เราเป็นคนที่มีชีวิตที่ไปได้ไกลกว่าเดิม

ประการแรก "จงดูแลจิตใจ เพราะมันกำหนดทุกสิ่ง"
ในพระธรรมสุภาษิตบทที่ 4 ข้อ 23 ได้ย้ำในเรื่องนี้ว่า
"จงรักษาใจของเจ้าด้วยความระวังระไวรอบด้าน เพราะชีวิตเริ่มต้นออกมาจากใจ"
คนที่โชคร้ายที่สุดในโลกไม่ใช่คนที่เกิดมายากจน หรือเป็นเด็กกำพร้า
แต่คนที่โชคร้ายที่สุดในโลกคือคนที่คิดว่าตัวเองเกิดมาโชคร้ายกว่าคนอื่น
เป็นเรื่องจริงที่เรา พบว่าบางคนเกิดมาอย่างเพียบพร้อมในสายตาของคนรอบข้าง
แต่กลับไม่รู้สึกอิ่มใจในสิ่งนั้น แต่กลับมองหาว่าตนเองมีอะไรที่ด้อยกว่าคนอื่น
พร้อมกับบ่นกับตัวเองว่า "ฉันช่างน่าสงสารเสียจริง"
มันน่าแปลกที่ว่าเมื่อเราพยายามมองหาสิ่งที่เราเชื่อว่าเรามี เราก็จะพบสิ่งนั้นจริงๆ

นีล ทีแอนเดอร์สัน กล่าวว่า "คุณไม่สามารถใช้ชีวิตเกินกว่าสิ่งที่คุณเชื่อ"
(ชัยชนะเหนือความมืด) หากเรามีความเชื่อในทางบวก
เราย่อมพยายามขวนขวายที่จะทำให้ได้จนในที่สุดเราก็จะพบว่า
เราสามารถเป็นเช่นนั้นได้จริงๆ ดังที่ไบรอัน เทรซี่พูดไว้ว่า
"คุณยิ่งชัดเจนในสิ่งที่ต้องการ และสิ่งที่ต้องทำมากเท่าไหร่
ก็ยิ่งง่ายขึ้นมากเท่านั้นที่คุณจะเอาชนะนิสัยชอบผัดวันประกันพรุ่ง"(กินกบตัวนั้นซะ)
จึงอยากให้กำลังและขอให้ทุกท่านรอบคอบกับความคิด
เพราะทุกสิ่งที่คิดจะมีผลกับชีวิตจริงของเราเสมอ

ประการที่สอง "ยาที่ดีคือใจที่ร่าเริง" แม้ว่าเราจะมีความมานะบากบั่น
และต่อสู้ในชีวิตมากสักเท่าใด ก็ย่อมมีวันที่เรารู้สึกหมดแรง
ในเวลานั้นเราต้องการยาที่จะช่วยรักษาอาการหมดแรงในชีวิตของเราพระคัมภีร์
ตอนนี้บอกกับเราว่ายาที่ได้ผลก็คือ "ใจร่าเริง" ฟังดูเหมือนว่าเป็นเรื่องง่ายๆ
แต่หลายครั้งเราคงต้องยอมรับความจริงว่าการทำใจให้ร่าเริงนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
เลย อยากหนุนใจทุกคนว่าแท้ที่จริงแล้วเรามีสิ่งที่สามารถสร้างความร่าเริง
แก่จิตใจเราอยู่อย่างมากมาย แต่เรามักจะมองข้ามมันไปชีวิตในเมืองใหญ่
ทำให้เราลืมความสวยงามของธรรมชาติ จนเราแทบลืมไปแล้วว่าเราไปเที่ยวครั้งสุดท้าย
เมื่อไหร่ หรือบางคนอาจลืมไปแล้วว่าเวลาที่เราให้โอกาสกับคนที่ด้อยโอกาส
 ใจของเรามีความสุขและร่าเริงขนาดไหน

เมื่อครั้งที่พี่ไปเยี่ยมบ้านพักคนชราที่ปาดเกร็ด(บ้านราชาวดี)
พี่เหน็ดเหนื่อยกับการนำเกมและเดินทางตลอดทั้งวัน
แต่จิตใจของพี่มีความสุขมาก หวังว่าในวันหยุดครั้งต่อไปทุกท่านจะจัดเวลาไว้สำหรับ
การค้นหาจิตใจที่ร่าเริงของท่านด้วยนะค่ะ

ประการสุดท้าย "ใจที่สิ้นหวังทำให้เราป่วย"
เมื่อต้นปี...2011 ได้มีโอกาสไป follow up ตรวจร่างกาย
ปรากฏว่า...ผลเม็ดเลือดขาวต่ำ ปกติค่าจะอยู่ที่ 2000-4000
ซึ่งตอนนั้น ตกใจมากด้วย และคิดว่า...คุณปู่ ย่า พ่อแม่
ไม่มีใครเป็นโรค ร้ายนิหน่า...หลังจากนั้น
อาการก็แย่ลงๆๆ ทุกๆวัน หน้าที่เคยสดใสก็แย่มาก...
ตื่นนอนมาในตอนเช้า บางครั้งมีเลือดไหลออกมาจาก ในปากและจมูก
ใน 6 เดือนก็มีๆ มาเรื่อยๆ
อาการ ไม่ค่อยจะดีเลย...ทำเรื่องไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียด้วย
ปรากฏว่า...ร่างกายพี่ไม่ไหวมากละ จากที่หน้าสดใส กลายเป็นหน้าซีดๆ
จากที่เราเคยร่าเริง...ใจห่อเหี่ยว...ไม่เข้าหาเพื่อน...ชอบอยู่คนเดียว
อยากนั่งรถไปไกลๆ...แต่เรากลับ ลืมไปว่ามีข้อพระคัมภีร์ของพระเจ้า
ที่หนุนใจเราเป็นอย่างดีอยู่...อพยพ 15:26 พระองค์ตรัสว่า
"ถ้าเจ้าทั้งหลายฟังพระสุรเสียงของพระเจ้าของเจ้า
และกระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรของพระองค์
เงี่ยหูฟังพระบัญญัติของพระองค์ และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของพระองค์ทุกประการ
แล้วโรคต่างๆ ซึ่งเราบันดาลให้เกิดแก่ชาวอียิปต์นั้น
เราจะไม่ให้บังเกิดแก่พวกเจ้าเลย เพราะเราคือพระเจ้าแพทย์ของเจ้า"
จงเชื่อฟังและปฏิบัติตาม เมื่อพระเจ้าตรัสสิ่งใด
เมื่อพระวิญญาณภายในบอกกล่าว เมื่อมีเสียงพระเจ้าบอกกับเรา
จงรับเอาและปฏิบัติตาม
การไม่เชื่อฟัง และการละเลย หรือประพฤติปฏิบัติตัวตามตัณหาโลกนี้และ
หลงไปกับเนื้อหนัง นั่นเท่ากับว่าเราเองกำลังเรียกและเปิดประตูรับเอาโรคภัยไข้เจ็บด้วย

ดังนั้นพระคัมภีร์ตอนนี้ได้เตือนใจเราอย่างมากว่าอย่าปล่อยให้ใจของท่านจม
อยู่กับความท้อแท้สิ้นหวัง เพราะมันไม่เพียงกัดกินชีวิตและเนื้อหนัง
แต่กัดกินท่านแม้กระทั่งจิตวิญญาณไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่ไม่เคลื่อนไปข้าง หน้า
แต่ในมนุษย์นั้นจิตใจที่อ่อนแรงสามารถทำให้เราตายทั้งเป็นได้
ขอให้เรา ทุกคนระวังและรักษาใจของท่านไว้เสมอ
หมั่นทานยาแห่งความร่าเริง และไม่เข้าหาความท้อใจ
ทุกวันนี้...
แต่ความกลัวจนไม่กล้าออกไปไหนต่างหากที่สามารถทำให้เราตายได้จริงๆ

ขอพระเจ้าอวยพรชีวิตทุกคนให้ไปได้ไกลกว่าเดิมนะค่ะ  ขอบพระคุณพระเจ้า Amen

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

สีกับอารมณ์ความรู้สึก


 พลังสีสามารถช่วยในการบำบัดโรคได้ นักจิตวิทยาเชื่อว่าสีมีความสัมพันธ์กับร่างกาย จิตใจ อารมณ์ของเราทุกคน สีบอกความเป็นตัวตน สีโทนร้อนเช่นสีแดง สีส้ม สีเหลือง สีม่วง ให้ความรู้สึกที่ต่างจากสีโทนเย็นเช่นสีขาว สีเขียว สีฟ้า สีชมพู เป็นต้น สีโทนร้อนหรือสีโทนเย็นจะไปกระตุ้นต่อมไพเนียล ซึ่งจะส่งผลถึงฮอร์โมน ความรู้สึก จิตใจ อารมณ์ของแต่ละบุคคล มารู้จักเรื่องสีกันดีมั๊ย....เผื่อจะรู้จักตัวตนของเราไง ดูซิว่าท่านชอบสีอะไรและจะได้รู้ว่าเรามีอารมณ์และความรู้สึกอย่างไร
           
      สีแดง 
   สีแดง เป็นสีแห่งอำนาจแสดงถึงการมีพลังและความทะเยอทะยานจึงช่วยพิชิตความคิดเห็นในทางลบหรือการมองโลกในแง่ร้ายอย่างไรก็ตามสีเฉดนี้อยู่ในกลุ่มของโทสะและการฉุนเฉียวด้วยหากเรานำสีแดงเข้าสู่กระบวนการรักษามากเกินไปจะทำให้ผู้ถูกบำบัดรู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว หุนหันพลันแล่นและขาดความอดทนเพราะสีแดงเป็นสีที่กระตุ้นระบบประสาทได้รุนแรงที่สุดให้ความรู้สึกเร้าใจ ตื่นเต้น ท้าทาย ผักและผลไม้สีแดงเป็นแหล่งวิตามินB12 ทองแดง เหล็ก ซึ่งช่วยบำรุงระบบประสาทพลังของสีแดงช่วยกระตุ้นพลังชีวิตให้เข้มแข็ง มีความกระตือรือร้น ทำให้มีชีวิตชีวาขึ้น ในแง่ของการรักษาสีแดงช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง เพิ่มอุณหภูมิในร่างกายระบบการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น รักษาอาการหวัด ผักผลไม้ทีมีสีแดง เช่น มะเขือเทศ แตงโมเนื่องจากมีสารไลโคบีน(Lycopene)เป็นตัวทำให้เกิดสีแดงนอกจากนี้ยังมีสารเบต้าไซซิน(Beta-cycin)ที่ทำให้เกิดสีแดงในผลทับทิม บีทรูท และแคนเบอร์รี่ สารทั้งสองตัวนี้จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ(Antioxidant)ช่วยในการป้องกันมะเร็งโดยเฉพาะไลโคปีนจะมีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้มากกว่าเบต้าแคโรทีนถึง ๒ เท่าเลยทีเดียวนอกจากนี้ยังพบสารเหล่านี้ในผลไม้เช่น แอปเปิ้ลแดง องุ่นแดง หอมแดง พริกชี้ฟ้าแดง ถั่วแดงและเชอร์รี่อีกด้วย
      สีชมพู       
   สีชมพู   เป็นสีที่มีลักษณะปลอบประโลมให้จิตใจและความรู้สึกต่างๆสงบลงในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกของการมีน้ำใจดี จิตใจกว้างขวาง อบอุ่นและทะนุถนอมซึ่งตรงกันข้ามกับสีแดงถ้าหากมีสีชมพูอยู่รายรอบจะทำให้รู้สึกถึงการปกป้อง ความรักจึงมักจะนำสีนี้มาบำบัดหรือบรรเทา คนที่มีความรู้สึกโดดเดี่ยวมีอารมณ์ท้อแท้ คนที่มีความรู้สึกที่ไวเกินไป เปราะบางหรือไม่มีความมั่นคงทางอารมณ์ผักผลไม้ที่มีสีชมพู เช่น ชมพู่
      สีส้ม  
   สีส้ม  เป็นสีแห่งความเบิกบานและความรื่นเริงเป็นความรู้สึกที่อิสระและได้รับการปลดปล่อย ละวางจากความสงสารหรือสมเพชตนเอง ลดการเห็นแก่ตัวและยินดีที่จะให้หรือแบ่งปัน เป็นความรู้สึกที่เกิดจากก้นบึ้งของจิตใจที่ต้องการปรับปรุงชีวิตให้สดใส สีส้มเป็นสีแห่งความสร้างสรรค์ อบอุ่นสดใสมีสติปัญญาเต็มเปี่ยมไปด้วยการทะเยอทะยาน มีพลัง แต่ก็มีการระมัดระวังตน สีส้มเป็นสีที่นำมาบำบัดอาการทางกล้ามเนื้อ ประสาทหรืออาการปวดกดประสาท หรือช่วยในการยกระดับจิตใจของคน ลูกท้อซึ่งเป็นผลไม้ที่มีสีส้มเป็นสีเด่นที่บำบัดอาการของระบบประสาทอ่อนแรง ผลไม้และผักที่มีสีส้มอุดมไปด้วยวิตามินB ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด เผาผลาญแป้งและน้ำตาล บำรุงระบบประสาทช่วยคลายอาการหอบหืดและโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจช่วยให้ม้านทำงานเป็นปกติรวมทั้งตับอ่อน ลำไส้ทั้งยังช่วยในการดูดซึมของอาหารในกระเพาะและสำไส้ทำงานเป็นอย่างดี ในทางจิตวิทยาพลังของสีส้มมีคุณสมบัติในการบรรเทาอาการซึมเศร้า หากต้องการเรียกพลังความกระตือรือร้นกลับคืนมาสีส้มเป็นสีที่ช่วยได้ ผักผลไม้สีส้มจะมีสารแคโรทีนอยด์และไบโอฟลาโวนอยด์ซึ่งเป็นตัวช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงสายตาและเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายซึ่งมีสารแคโรทีนที่มีประสิทธิภาพสูงในการต้านอนุมูลอิสระที่เป็นตัวการเกิดมะเร็งผักผลไม้ที่มีสารพวกนี้ได้แก่ แครอท มะละกอ ส้ม แตงโมเหลืองแตงไทย และฟักทอง
       สีเขียว 
   สีเขียว  เป็นสีที่มีความสัมพันธ์อย่างเน้นเฟ้นกับธรรมชาติช่วยให้เรามีอารมณ์ร่วมกับสิ่งอื่นๆตลอดจนธรรมชาติต่างๆ รอบตัวเราได้ง่าย สีเขียวจะช่วยสร้างสรรค์บรรยากาศของความสบาย ผ่อนคลายสงบ ก่อให้เกิดความรู้สึกสันโดษ ว่าวเปล่า สมดุลและละวาง แต่ถ้าเป็นสีเขียวเข้ม มีความหมายของการหลุดพ้น ความพอดีและถ่อมตน เป็นสีที่ปฏิเสธต่อความรักและความสนุกสนาน ในขณะที่สีเขียวมะกอกจะมีผลต่อร่างกายและความรู้สึก จนอาจทำให้ร่างกายป่วยได้ สีเหลือง-เขียว จัดอยู่ในกลุ่มของความอิจฉา อารมณ์ความริษยา ขุ่นข้องหมองใจ คับแค้นใจ ตลอดจนเป็นการแสดงถึงความรู้สึกที่ปรารถนาจะครอบครอง ผักผลไม้มีมีสีเขียวมีแร่ธาตุที่สำคัญโดยเฉพาะวิตามินC ช่วยสมานแผลทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เพิ่มความต้านทานโรค สีเขียวทำให้ประสาทตาผ่อนคลายและความดันโลหิตลดลงได้ ป้องกันการจับตัวของก้อนเลือด ป้องกันโรคหัวใจ ความดันโลหิตและช่วยต้านทานเชื้อโรครวมทั้งเยื่อบุอักเสบผักผลไม้ในกลุ่มนี้จะมีสารกลุ่มลูเทอินและอินดอล ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้กระดูกแข็งแรง ช่วยบำรุงสายตา เช่น บร๊อกโคลี่ กระหล่ำปลีเขียว แอ๊ปเปิ้ลเขียว คะน้า ผักบุ้ง ผักใบเขียวทุกชนิด และอโวคาโด
      สีเหลือง 
   สีเหลือง มักเป็นสีของความสุข ความเบิกบาน ความมีชีวิตชีวา งานเฉลิมฉลองเป็นสีของความแจ่มใส มักจะเกี่ยวข้องกับเชาว์ สติปัญญาข้างในและพลังของความคิดเป็นภูมิและความหยั่งรู้ เป็นความจำที่แจ่มใส ความคิดที่กระจ่างเป็นอารมณ์ของการใช้ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ เป็นสีที่กระตุ้นให้เกิดการมองโลกในแง่ดี ในทางตรงกันข้ามสีเหลืองเข้มกับกลายเป็นสัญญาลักษณ์ของความหวาดกลัว สีเหลืองทำให้มีอารมณ์ขันผักและผลไม้ที่มีสีเหลืองมักอุดมไปด้วยวิตามินA ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันหวัดช่วยเสริมสร้างความเจริญเติบโตให้ร่างกายพลังของสีเหลืองช่วยให้การทำงานของถุงน้ำดีและลำไส้เป็นไปตามปกติ ช่วยปรับสมดุลของทางเดินอาหารทำให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้นทั้งยังสามารถใช้เยียวยาอาการท้อแท้ หดหู่ และหมดกำลังใจได้ผักผลไม้สีส้มจะมีสารแคโรทีนอยด์และไบโอฟลาโวนอยด์ซึ่งเป็นตัวช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงสายตาและเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายซึ่งมีสารแคโรทีนที่มีประสิทธิภาพสูงในการต้านอนุมูลอิสระที่เป็นตัวการเกิดมะเร็งผักผลไม้ที่มีสารพวกนี้ได้แก่ แครอท มะละกอ ส้ม แตงโมเหลือง ข้าวโพดหวานและฟักทอง
      สีมรกต  
   สีมรกต เป็นการผสมผสานกันระหว่างสีน้ำเงินกับสีเขียวเข้มของท้องทะเลลึก จึงมีความหมายในเชิงของความเยือกเย็น ความสงบเงียบเหมือนกับสีเขียว สีมรกตจึงเป็นสีที่เหมาะกับการชะล้างเอาความเหนื่อยล้าความตึงเครียดให้ออกจากจิตใจหรืออารมณ์ของเราสีมรกตจึงเป็นสีที่ถูกยกว่าเป็นสีที่ให้กำลังใจให้กลับมามีประกายสดชื่น และมักจะช่วยให้คนที่รู้สึกโดดเดี่ยวดีขึ้น เพิ่มพลังสื่อสารให้โดดเด่นขึ้น สร้างสรรค์มากขึ้นและรับรู้ต่อสัมผัสและความรู้สึกได้รวดเร็ว
      สีน้ำเงิน    
   สีน้ำเงิน เป็นความหมายของการสงบเย็น สุขุมเยือกเย็น หนักแน่นและละเอียดรอบคอบสีน้ำเงินเป็นสีที่มีความหมายเกี่ยวโยงกับจิตใจได้สูงกว่าสีเหลือง มีความหมายถึงกลางคืนจึงทำให้เรารู้สึกสงบได้ลึกกว่าและผ่อนคลายกว่า เราจะยิ่งเข้าสู่ความสงบและสงัดได้อย่างลุ่มลึกเมื่อสัมผัสกับสีน้ำเงินที่เข้มขึ้นแต่ถ้าเป็นสีน้ำเงินอ่อนจะทำให้เรารู้สึกปกป้องจากภารกิจตลอดจนกิจกรรมที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ดังนั้นสีน้ำเงินจึงมักนำมาบำบัดคนที่นอนไม่หลับ เป็นสีของห้องนอน สีน้ำเงินเป็นสีที่ความคุมจิตใจภายในให้เกิดความรู้สึกกระจ่างและสร้างสรรค์ สีน้ำเงินเข้มแต่ยังไม่ถึงขั้นสีกรมท่ามีอิทธิพลอย่างสูงต่อการกดหรือกล่อมประสาทและจิตใจเป็นสีที่เข้าถึงสัญชาตญาณและลางสังหรณ์จิตใต้สำนึกของเราได้ดี อย่างไรก็ตามสีน้ำเงินที่เข้าสู่โทนดำหรือมืดมากขึ้นยังหมายถึงความโศกเศร้าอย่างที่สุด หรืออารมณ์ที่เศร้าสุดขีดด้วย จึงควรระวังในการนำไปใช้ สีน้ำเงินช่วยช่วยให้ระบบหายใจสมดุล รักษาโรคความดันโลหิตสูง ในแง่จิตวิทยาสีน้ำเงินช่วยสร้างแรงบันดาลใจและการแสดงออกทางศิลปะ
      สีฟ้า
   สีฟ้า เป็นสีที่ให้ความรู้สึกสงบเยือกเย็น เป็นอิสระ ปลอดโปร่งสบาย ปลอดภัย ใจเย็นและสามารถระงับความกระวนกระวายในใจได้ด้วยพลังของสีฟ้ามีคุณสมบัติในการรักษาอาการของโรคปอด ลดอัตราเผาผลาญพลังงาน รักษาอาการเจ็บคอและทำให้ชีพจรเต้นเป็นปกติ
      สีม่วง 
   สีม่วง เป็นสีการดูแลและปลอบโยนช่วยให้จิตใจสงบและอดทนต่อความรู้สึกที่โศกเศร้าหรืสูญเสียที่มากระทบจิตใจและประสาท สีม่วงเฉดต่างๆ ยังช่วยสร้างสมดุลของจิตใจให้ฟื้นกลับมาจากภาวะตกต่ำหรือความเศร้าที่ครอบงำอยู่ สีครามจะเป็นสีที่มีพลังมากเป็นสีที่ไปกระตุ้นสมองให้มีความฮึกเหิม กระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และสัญชาตญาณ สีครามเป็นสีที่เข้าไปครอบงำประสาทได้เป็นอย่างดี สีม่วงเป็นสีที่เข้าไปเปลี่ยนแปลงการสื่อสารระดับลึกเข้าไปแทนที่และต่อสู้กับความกลัวและความตกใจเข้าไปชำระล้างสิ่งที่รบกวนอยู่ในสมองซึ่งสีม่วงมักเข้าไปเชื่อมโยงกับสื่อแขนงอื่นๆ ศิลปะ  ดนตรี และความลึกลับเป็นสีที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกทางด้านความสวยงาม ปรัชญาขั้นสูง กระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ แรงบันดาลใจ ก่อให้เกิดความเห็นอกเห็นใจสีม่วงยังเป็นสีที่มีอิทธิพลต่อความเชื่อที่ลึกลับทางจิตวิญญาณ  อย่างไรก็ตามคนที่ได้รับอิทธิพลของสีดังกล่าวจะต่อต้านชีวิตและสังคมที่เต็มไปด้วยสีสันแต่จะสนใจเรื่องจิตวิญญาณมากกว่าผักผลไม้สีม่วงเต็มไปด้วยวิตามินD ช่วยเพิ่มพลังงานและการย่อยอาหาร ช่วยปรับสมดุลในร่างกายให้ทำงานเป็นปกติ ใช้บำบัดโรคไต กระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคผิวหนังบางชนิดและบำบัดโรคไขข้อ สีม่วงยังช่วยให้สมองของเราสงบ สามารถสร้างแรงบันดาลใจด้านต่างๆ ผักผลไม้ในกลุ่มสีนี้จะพบสารกลุ่มแอนไทไซยานินและโฟโนลิก ที่เป็นตัวลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยรักษาระบบทางเดินปัสสาวะ และช่วยในเรื่องความจำ ผักผลไม้สีม่วงได้แก่ กะหล่ำม่วง องุ่นแดง บลูเบอร์รี่ มะเขือม่วง มันต่อเผือก เป็นต้น
      สีมังคุด 
   สีมังคุด  เป็นสีที่ช่วยให้เราไม่รู้สึกความหมดหวัง วิตกกังวลต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือความรู้สึกโกรธหรือผิดหวัง สีมังคุดทำให้จิตใจเราเบิกบานขึ้นทั้งนี้เพราะอิทธิพลของสีที่ผสมกันระหว่างสีแดงกับสีม่วง ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับความรู้สึกสงสาร เมตตา ช่วยเหลือเป็นการปลุกปลอบให้ฟื้นขึ้นมาสีมังคุดก็เหมือนกับสีม่วงเป็นสีที่เพิ่มความรู้สึกปลอดภัยจากอันตรายและความน่ากลัวทั้งหลายมักจะเป็นสีที่มีความหมายถึงการผ่อนคลายอย่างลึกซึ้งแต่สีมังคุดไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรังผักผลไม้ในกลุ่มสีนี้จะพบสารกลุ่มแอนไทไซยานินและโฟโนลิก ที่เป็นตัวลดอัตราเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยรักษาระบบทางเดินปัสสาวะ และช่วยในเรื่องความจำ ผักผลไม้สีม่วงได้แก่ กะหล่ำม่วง องุ่นแดง บลูเบอร์รี่ มะเขือม่วง มันต่อเผือก ข้าวโพดม่วง เป็นต้น
      สีขาว
   สีขาว เป็นสีที่หมายถึงความบริสุทธิ์อย่างยิ่ง จัดอยู่ในกลุ่มของการปกป้อง สร้างสันติ สบาย ช่วยบรรเทาอารมณ์ตกใจหรือหวาดวิตก ส่งเสริมให้จิตใจสะอาดบริสุทธิ์ มีพลังทางความคิดและจิตใจ นอกจากนั้นยังหมายถึงความเยือกเย็นและการแยกหรือปลีกวิเวกก็ได้ ผักผลไม้ในกลุ่มนี้จะมีสารในกลุ่มอะลิซินและธาตุซิลิเนียนซึ่งจะช่วยลดครอเลสเตอรอล ลดอัตราการเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็งสารพวกนี้พบใน ดอกกระหล่ำ หอมหัวใหญ่ กระเทียม หัวไชเท้า เป็นต้น
      สีดำ
   สีดำ เป็นสีที่มีความหมายทั้งในแง่ของความสะดวกสบาย การปกป้อง และความลึกลับมักจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับความเงียบสงัด มีความหมายของหนทางอันมีลักษณะอันไกลโพ้น นอกจากนี้ยังหมายถึงพลังชีวิตที่ถดถอยหรืออ่อนล้า หมดพลังและลี้ลับสีดำยังเป็นสีที่ขัดขวางการเจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลง เป็นการปิดปังอำพรางจากโลกภายนอก ผักผลไม้ได้แก่ ถั่วดำ
      สีเงิน 
   สีเงิน เป็นสีของพระจันทร์ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนแปลง หรือผันแปรมีลักษญะคล้ายกับอารมณ์และบุคลิกภาพพื้นฐานของผู้หญิงที่ไวต่อความรู้สึกแต่ก็มีดุลยภาพมีการประสานปรองดองและให้ความรู้สึกที่สดใส
      สีทอง 
   สีทอง เป็นสีที่จัดอยู่ในกลุ่มอิทธิพลของพระอาทิตย์เช่นเดียวกับสีเหลืองและมักจะเกี่ยวเนื่องกับพลังและความอุดมสมบูรณ์ เป้าหมายสูงสุด ปัญญาอันสูงสุดความเข้าอกเข้าใจ ปกติสีทองหมายถึงการให้ชีวิตใหม่ ให้พลังใหม่ ฉุดรั้งออกมาจากความกลัวความไม่แน่นอนหรือหันกลับมาใส่ใจ สีทองที่วาวแววจะทรงพลังอย่างยิ่งในการดึงให้หลุดพ้นจากความรู้สึกที่ตกต่ำของจิตใจ
      สีน้ำตาล  
   สีน้ำตาล เป็นสีของแผ่นดิน สีน้ำตาลให้ความรู้สึกมั่นคง ลดความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัยอย่างไรก็ตามสีน้ำตาลมักเกี่ยวข้องกับการเติมเต็มของความรู้สึก บำบัดจากความเศร้าโศกความรู้สึกคับอกคับใจสีนี้มักจะนำไปช่วยเหลือคนที่รู้สึกหมดคุณค่าในตัวเอง ผักผลไม้ได้แก่ มะขามหวาน มะขวิดเป็นต้น
                ในการนำมาใช้เช่น การเลือกบริโภคอาหารตามสี หรือบริโภคให้ครบผักสีรุ้ง ได้รับสารอาหารครบ๕หมู่ หรือใช้สีในการแต่งกาย สีทาห้อง หรือของใช้ส่วนตัว

*****************************
 อ้างอิง
กองบรรณาธิการ."สีบำบัด"สมุนไพรเพื่อสุขภาพ(HERB FOR HEALTH) ปีที่ ๗ ฉบับที่๗๕ เดือนมีนาคม ๒๕๕๐, หน้า ๓๖-๓๘
บรรจบ  กำจัด. "Color Therapy ศาสตร์แห่งสีเพื่อการบำบัดโรค" ชีวจิต. ปีที่ ๙:๑๖ พฤศจิกายน๒๕๔๙.หน้า๕๘-๖๒.
"ผักผลไม้หลากสีหลายคุณค่าอาหาร"ใกล้หมอ.ปีที่ ๓๒ ฉบับที่๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑.หน้า ๗๐-๗๓.

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555

Wow It's mom, but I'm sleepy (와~ 엄마다 근데 졸려)

ฉั น ข อ จั บ มื อ คุ ณ เ ดิ น ไ ด้ ไ ห ม?

 >>> ฉั น ข อ จั บ มื อ คุ ณ เ ดิ น ไ ด้ ไ ห ม? <<<
 ถ้าเราไม่รู้ว่า คนที่เรารักอยู่ที่ไหนในโลกใบนี้...
เราจะทำอย่างไรต่อ...เพราะเราเชื่อว่าคน คนนั้นจะกลับมาแน่...
แล้วถ้าเค้าไม่กลับมาล่ะ?= "รอ"...
ถ้าคน คนนั้นรู้หัวใจตัวเอง...เค้าจะกลับมาหาคุณแน่...



วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เรียนรู้ชีวิตผ่านพระคริสต์

  ในปีที่ผ่านมา บางคนอาจจะประสบกับปัญหาชีวิตในด้านต่างๆ
 อาจเป็นเรื่องความผิดพลาด ทำให้เสียเงินเสียทอง เสียของรัก
 แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ เราต้องไม่จมอยู่กับอดีตและลุกขึ้นเดินหน้าต่อไป 
แต่คนส่วนใหญ่ (รวมตัวผมเองด้วย) มักพบว่า การจะฝ่าปราการความทรงจำอันขมขื่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ 
เลยไม่ใช่กับเฉพาะแค่คริสเตียนเท่านั้น แต่กับคนที่นับถือศาสนาอื่นๆ ด้วย นั่นคือ วิธีการก้าวพ้นจากความขมขื่นในอดีต ในคำเทศนานั้น ศิษยาภิบาลได้บอกว่า เราไม่ควรยอมให้ตัวเราตกเป็นเหยื่อของอดีต...


เพราะอดีตนั้นเหมือนกับลูกระนาดที่เขาทำไว้บนถนนเพื่อต้องการให้รถชะลอความเร็วลงส่วนมากแล้วจะอยู่ตามบนถนนในหมู่บ้าน ซึ่งอาจจะพูดได้ว่าเป็นตัวที่ขัดขวางเพื่อให้ชีวิตเราล่าช้าลง อดีตได้กลายเป็นกับดักที่ล่อลวงชีวิตของเราไม่ให้เดินหน้าต่อไปได้ ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลมีเขียนไว้ว่า
พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าตนเองฉวยสิ่งนี้มาได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือ ลืมสิ่งที่ผ่านมาและโน้มตัวไปหาสิ่งที่ออยู่ข้างหน้า (ฟิลิปปี 3:13)
คำที่สำคัญมากๆ ในพระคัมภีร์ตอนที่ยกมานี้คือ “ลืมสิ่งที่ผ่านมา และโน้มตัวไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า” นั่นคือพลังแห่งการลืมอดีตที่ขมขื่นและเจ็บปวด (The Power of forgetting) ในปีใหม่นี้ เราต้องลืมสิ่งต่างๆ ที่ผ่านไปแล้ว และชีวิตจำเป็นต้องเดินต่อไปข้างหน้า

อย่าดำรงชีวิตด้วยการมองหันหลังกลับตลอดเวลา เพราะถ้าเราทำแบบนั้นชีวิตเราในปีใหม่ก็คงจะไม่ก้าวหน้าไปไหนเหมือนเดิม เพราะคงไม่มีใครสามารถหันหลังเดินเพื่อก้าวต่อไปข้างหน้าได้แน่ๆ ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลมีถ้อยคำของพระเจ้าที่กล่าวไว้ชัดเจนถึงเรื่องนี้ในหนังสืออิสยาห์ 43:18-19 ว่า “จงลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้ว อย่าฝังใจกับอดีต ดูเถิด เรากำลังทำสิ่งใหม่! มันเริ่มขึ้นแล้ว เจ้าไม่เห็นหรอกหรือ? เรากำลังสร้างทางในถิ่นกันดาร และสายธารต่างๆ ในที่แห้งแล้ง”
สำหรับคริสเตียนแล้วข้อความตอนนี้หนุนใจเป็นอย่างมาก ถ้าเรายังยอมให้อดีตอันขมขื่นของเราเสียงดังกว่าพระสัญญาของพระเจ้า ทุกสิ่งในชีวิตเราก็เดินหน้าต่อไปไม่ได้
ชีวิตของมนุษย์ทุกคนถูกกำหนดด้วยสิ่งที่เขาจดจ่ออยู่เป็นประจำ แต่ในพระสัญญาของพระเจ้าจากข้อความข้างต้น แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพระองค์จะทรงทำสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ในสายตาของมนุษย์ ให้เป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างทางในถิ่นกันดาร หรือทางออกในชีวิตที่ด้วยตัวเราเองแทบจะมองไม่เห็น หรือสายธารท่ามกลางแผ่นดินที่แห้งแล้ง ทุกอย่างเป็นไปได้สำหรับพระเจ้า แต่สิ่งที่เราจะต้องลงมือทำก่อนก็คือ ลืมสิ่งที่ผ่านพ้นไปแล้ว อย่าฝังใจกับอดีต ให้มองไปข้างหน้า อย่ามองย้อนกลับไปที่อดีต อย่ามัวแต่จ้องมองและร้องไห้คร่ำครวญอยู่กับประตูบานที่ถูกปิดไปนานแล้ว พระเจ้าทรงเปิดประตูใหม่ให้เราอีกบานหนึ่งที่ใหญ่กว่า กว้างกว่า และดีกว่าเดิม แต่เราก็ไม่เคยเหลียวมาดู เพราะยังจดจ่ออยู่กับอดีต กับประตูบานเก่า จงให้อภัยตัวเองและให้อภัยผู้คนที่ทำให้คุณขมขื่น เพื่อคุณจะได้ก้าวพ้นจากอดีตอันขมขื่นนั้น และเริ่มต้นใหม่กับสิ่งที่ดีกว่าที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมไว้ให้กับคุณ
จงจำไว้ว่า: สิ่งที่เกิดขึ้น “ภายใน” คุณ มีความสำคัญกว่าสิ่งที่เกิดขึ้น “กับ” คุณ

1. จงดูจุดหมายที่พระเจ้าเตรียมให้คุณ : การดำเนินชีวิตไปข้างหน้า โดยไม่สนใจอดีตนั้น คุณต้องเพ่งความสนใจไปที่จุดหมายปลายทางที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้กับชีวิตของคุณ ซึ่งแน่นอนย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าเดิม และจะทำให้คุณเกิดสันติสุขในใจมากกว่า ขอให้มีความเชื่อและมองไปที่จุดหมายปลายทางที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้กับคุณ
2. หยุดพูดถึงอดีตอันขมขื่น : ทุกครั้งที่คุณพูดถึงอดีตอันขมขื่นไม่ว่าจะพูดกับใครก็ตาม คุณกำลังทำการเสริมกำลังให้กับอดีตของคุณ คุณจะเจ็บปวดมากยิ่งขึ้น และเสียงของอดีตก็จะดังขึ้นเรื่อยๆ ในสมองของคุณ จงหยุดพูดถึงอดีต
3. อย่าคิดหาทางแก้แค้น : ผู้คนอาจไม่ยุติธรรมต่อเรา แต่พระเจ้ายุติธรรมเสมอ ถ้าเราคิดแก้แค้นแสดงว่าเราไม่มั่นใจในพระเจ้า ในหนังสือโรม 12: 19 มีเขียนไว้ว่า “เพื่อนเอ๋ย อย่าแก้แค้น แต่จงปล่อยให้พระเจ้าทรงสำแดงพระพิโรธ เพราะมีเขียนไว้ว่า “การแก้แค้นเป็นหน้าที่ของเราเอง เราจะคืนสนอง” องค์พระผู้ป็นเจ้าตรัสดังนี้” ลองนึกเล่นๆ ดูนะว่า ถ้าเราต้องหยุดเดินทุกครั้งเพื่อทะเลาะกับสุนัขข้างถนนที่เห่าใส่เรา วันๆ เราคงเดินไปไม่ถึงจุดหมายหรือไปถึงช้ากว่ากำหนดแน่ๆ เราต้องเดินผ่านไปโดยไม่คิดแก้แค้นหรือเสียเวลาทะเลาะ เพราะนั่นเป็นการเปล่าประโยชน์
4. อยู่กับถ้อยคำพระเจ้า : อ่านพระคัมภีร์ ฟังซีดีเทศนา เมื่อคุณอยู่ติดสนิทกับถ้อยคำพระเจ้า จะทำให้คุณลืมอดีตไปได้แต่ไม่ใช่ลืมไปได้เพราะกำลังของตัวคุณเอง แต่เป็นด้วยกำลังของพระเจ้าที่เข้าไปเติมเต็มในความคิดและจิตใจของคุณ ไม่ให้เหลือที่ว่างในการคิดคำนึงถึงเรื่องอดีต ตามที่มีเขียนไว้ในหนังสือ สดุดี 18:32 “พระเจ้านี่แหละ ทรงเป็นผู้ประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า ทรงกระทำให้หนทางของข้าพเจ้าดีพร้อม” และในหนังสือสดุดี 27: 1 “องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงเป็นความสว่าง และความรอดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะต้องเกรงกลัวผู้ใด? องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นที่กำบังแข็งแกร่ง สำหรับชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะต้องหวาดกลัวผู้ใด?”
5. อย่าหยุดหัวเราะ : ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือต้องเผชิญกับสถานการณ์อะไร อย่าลืมที่จะหัวเราะ หาอะไรทำก็ได้ที่จะทำให้คุณมีเสียงหัวเราะ ไม่ว่าเราจะอายุเท่าไร เราก็ควรจะหัวเราะบ่อยๆ คนเราไม่ได้หยุดหัวเราะเพราะแก่ขึ้น แต่คุณจะดูแก่ขึ้นทันทีถ้าคุณหยุดหัวเราะ ในหนังสือสุภาษิต 17:22 มีเขียนไว้ว่า
“จิตใจที่เป็นสุขเป็นยาขนานเอก แต่วิญญาณที่ร้าวราน ทำให้ใจกายห่อเหี่ยว”
พระเจ้าต้องการให้เรามีความสุข และมีจิตใจที่เป็นสุข ดังนั้น จงหัวเราะบ่อยๆ อาจหาหนังตลกหรือกิจกรรมที่จะทำให้เราหัวเราะได้มาทำกันดูนะครับ เพื่อที่เราจะได้เอาชนะความทรงจำอันขมขื่นในอดีตให้ได้

เขียนโดย ชนัฐ เกิดประดับ (อ.บอม) คริสตจักรพระคุณเต็มล้น


วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ผู้ชนะและผู้แพ้

วันนี้อ่านมานาประจำวัน
ตามปกติเหมือนทุกๆวัน
ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองเช่นกัน
แต่ที่แน่ๆ มานาประจำวันนี้ หนุนใจตัวเองมาก


ผู้ชนะและผู้แพ้

อ่าน: 1 เปโตร 3:8-12
แต่จงมีใจถ่อมถือว่าคนอื่นดีกว่าตัว – ฟีลิปปี 2:3  อ่านพระคำภีร์ภายใน 1 ปี อิสยาห์ 37-39

อิสยาห์ 37

1เมื่อกษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงได้ยินพระองค์ก็ฉีกฉลองพระองค์เสียและทรงเอาผ้ากระสอบคลุมพระองค์และเสด็จเข้าในพระนิเวศของพระเจ้า 2และพระองค์ทรงใช้เอลียาคิมผู้บัญชาการราชสำนักและเชบนาราชเลขาและปุโรหิตผู้อาวุโสคลุมตัวด้วยผ้ากระสอบไปหาอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะบุตรชายของอามอส 3เขาทั้งหลายเรียนท่านว่า"เฮเซคียาห์ตรัสดังนี้ว่าวันนี้เป็นวันทุกข์ใจวันถูกขนาบและอดสูเด็กที่ถึงกำหนดคลอดก็ไม่มีกำลังเบ่งให้คลอด4ชะรอยพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านคงได้ยินถ้อยคำของรับชาเคห์ผู้ซึ่งพระราชาแห่งอัสซีเรียนายของเขาได้สั่งมาให้เย้ยพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์และจะทรงขนาบถ้อยคำซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรงสดับเพราะฉะนั้นก็ขอท่านถวายคำอธิษฐานเพื่อส่วนคนที่เหลืออยู่นี้" 5เมื่อข้าราชการของกษัตริย์เฮเซคียาห์มาถึงอิสยาห์ 6อิสยาห์ก็บอกเขาทั้งหลายว่า"จงทูลนายของท่านเถิดว่าพระเจ้าตรัสดังนี้ว่าอย่ากลัวเพราะถ้อยคำที่เจ้าได้ยินนั้นซึ่งข้าราชการของพระราชาของอัสซีเรียได้กล่าวหยาบช้าต่อเรา 7ดูเถิดเราจะบรรจุจิตใจอย่างหนึ่งในเขาเพื่อเขาจะได้ยินข่าวลือและกลับไปยังแผ่นดินของเขาและเราจะให้เขาล้มลงด้วยดาบในแผ่นดินของเขาเอง" 8รับชาเคห์ได้กลับไปและได้พบพระราชาแห่งอัสซีเรียสู้รบเมืองลิบนาห์เพราะเขาได้ยินว่าพระราชาออกจากลาคีชแล้ว 9พระองค์ทรงได้ยินเกี่ยวกับทีรหะคาห์พระราชาแห่งเอธิโอเปียว่า"เขาได้ออกมาสู้รบกับพระองค์แล้ว"และเมื่อพระองค์ทรงสดับแล้วจึงส่งผู้สื่อสารไปเฝ้าเฮเซคียาห์ทูลว่า 10"เจ้าจงพูดกับเฮเซคียาห์พระราชาแห่งยูดาห์ดังนี้ว่าอย่าให้พระเจ้าของท่านซึ่งท่านพึ่งนั้นลวงท่านว่าเยรูซาเล็มจะมิได้ถูกมอบไว้ในมือของพระราชาแห่งอัสซีเรีย 11ดูเถิดท่านได้ยินแล้วว่าบรรดาพระราชาแห่งอัสซีเรียได้กระทำอะไรกับประเทศทั้งสิ้นบ้างทำลายเสียหมดอย่างสิ้นเชิงส่วนท่านเองจะรับการช่วยกู้ให้พ้นหรือ12บรรดาพระของบรรดาประชาชาติได้ช่วยกู้เขาให้พ้นหรือคือประชาชาติซึ่งบรรพบุรุษของเราได้ทำลายคือโกเซนฮารานเรเซฟและประชาชนของเอเดนซึ่งอยู่ในเทลอัสสาร์ 13พระราชาของฮามัทพระราชาของอารปัดพระราชาของเมืองเสฟารวาอิมเฮนาและอิฟวาห์อยู่ที่ไหน" 14เฮเซคียาห์ทรงรับจดหมายจากมือผู้สื่อสารและทรงอ่าน15และเฮเซคียาห์ได้ขึ้นไปยังพระนิเวศของพระเจ้าและทรงคลี่จดหมายนั้นออกต่อพระพักตร์พระเจ้าและเฮเซคียาห์ทรงอธิษฐานต่อพระเจ้าว่า 16"ข้าแต่พระเจ้าจอมโยธาพระเจ้าแห่งอิสราเอลผู้ทรงประทับเหนือเครูบพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งบรรดาราชอาณาจักรของแผ่นดินโลกพระองค์แต่องค์เดียวพระองค์ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก 17ข้าแต่พระเจ้าขอทรงเงี่ยพระกรรณสดับข้าแต่พระเจ้าขอทรงเบิกพระเนตรทอดพระเนตรและขอทรงฟังบรรดาถ้อยคำของเซนนาเคอริบซึ่งเขาได้ใช้มาเย้ยพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ 18ข้าแต่พระเจ้าเป็นความจริงที่บรรดาพระราชาแห่งอัสซีเรียได้กระทำให้ประเทศทั้งสิ้นและแผ่นดินของเขานั้นร้างเปล่า19และได้เหวี่ยงพระของเขาเข้าไปในไฟเพราะเขามิใช่พระเป็นแต่ผลงานของมือมนุษย์เป็นไม้และหินเพราะฉะนั้นเขาจึงถูกทำลายเสีย 20ฉะนั้นบัดนี้ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นมือของเขาเพื่อราชอาณาจักรทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินโลกจะทราบว่าพระองค์แต่พระองค์เดียวทรงเป็นพระเจ้า" 21แล้วอิสยาห์บุตรอามอสได้ใช้ให้ไปเฝ้าเฮเซคียาห์ทูลว่า"พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่าเพราะเจ้าได้อธิษฐานต่อเราเกี่ยวกับเซนนาเคอริบพระราชาแห่งอัสซีเรีย 22ต่อไปนี้เป็นพระวจนะซึ่งพระเจ้าตรัสเกี่ยวกับท่านนั้นว่าธิดาพรหมจารีแห่งศิโยนดูถูกเจ้าและเย้ยเจ้าธิดาแห่งเยรูซาเล็มสั่นศีรษะตามหลังใส่เจ้า 23เจ้าเย้ยและกล่าวหยาบช้าต่อผู้ใดเจ้าขึ้นเสียงของเจ้าต่อผู้ใดและเบิ่งตาของเจ้าอย่างเย่อหยิ่งต่อผู้ใดต่อองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลน่ะซิ 24เจ้าได้เย้ยพระผู้เป็นเจ้าด้วยผู้รับใช้ของเจ้าและเจ้าได้ว่าด้วยรถรบเป็นอันมากของข้าข้าได้ขึ้นที่สูงของภูเขาถึงที่ไกลสุดของเลบานอนข้าโค่นต้นสนสีดาร์ที่สูงที่สุดของมันลงทั้งต้นสนสามใบที่ดีที่สุดของมันข้าเข้าไปยังที่ยอดลิบที่สุดของมันที่ป่าไม้ที่ทึบที่สุดของมัน 25ข้าขุดบ่อและดื่มน้ำข้าจะเอาฝ่าเท้าของข้ากวาดธารน้ำทั้งสิ้นของอียิปต์ให้แห้งไป 26เจ้าไม่ได้ยินหรือว่าเราได้จัดไว้นานแล้วเราได้กะแผนงานไว้แต่ดึกดำบรรพ์ซึ่งณบัดนี้เราให้เป็นไปแล้วคือเจ้าจะทำเมืองที่มีป้อมให้พังลงให้เป็นกองสิ่งปรักหักพัง 27ส่วนชาวเมืองนั้นถูกตัดมือตัดตีนก็แย่และอับอายและกลายเป็นเหมือนต้นไม้ที่ทุ่งนาและเหมือนหญ้าอ่อนเหมือนหญ้าที่บนยอดหลังคาเรือนเหมือนผักก่อนมันจะได้งอกงามอย่างนั้นหรือ 28แต่เราได้รู้จักการที่เจ้านั่งลงกับการออกไปและเข้ามาของเจ้าและการเกรี้ยวกราดของเจ้าต่อเรา 29เพราะเจ้าได้เกรี้ยวกราดต่อเราและความจองหองของเจ้าได้มาเข้าหูของเราฉะนั้นเราจะเอาขอของเราเกี่ยวจมูกเจ้าและบังเหียนของเราใส่ปากเจ้าและเราจะหันเจ้ากลับไปตามทางซึ่งเจ้ามานั้น 30"และนี่จะเป็นหมายสำคัญแก่เจ้าคือปีนี้เจ้าจะกินสิ่งที่งอกขึ้นเองและในปีที่สองสิ่งที่ผลิจากเดิมแล้วในปีที่สามจงหว่านและเกี่ยวและทำสวนองุ่นและกินผลของมัน 31ส่วนที่รอดและคนที่เหลืออยู่แห่งเชื้อวงศ์ของยูดาห์จะหยั่งรากลงไปและเกิดผลขึ้นบน32เพราะว่าส่วนคนที่เหลืออยู่จะออกไปจากเยรูซาเล็มและส่วนที่รอดมาจะออกมาจากภูเขาศิโยนความกระตือรือร้นของพระเจ้าจอมโยธาจะกระทำการนี้33"เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงตรัสเกี่ยวกับพระราชาแห่งอัสซีเรียดังนี้ว่าท่านจะไม่เข้าในนครนี้หรือยิงลูกธนูไปที่นั่นหรือถือโล่เข้ามาข้างหน้านครหรือสร้างเชิงเทินสู้มัน 34ท่านมาทางใดท่านจะต้องกลับไปทางนั้นท่านจะไม่เข้ามาในนครนี้พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ 35และเราจะป้องกันนครนี้ไว้เพื่อให้รอดเพื่อเห็นแก่เราเองและเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา"36ทูตของพระเจ้าได้ออกไปและได้ประหารคนในค่ายแห่งคนอัสซีเรียเสียหนึ่งแสนแปดหมื่นห้าพันคนและเมื่อลุกขึ้นในเวลาเช้ามืดดูเถิดพวกเหล่านั้นเป็นศพทั้งนั้น 37แล้วเซนนาเคอริบพระราชาแห่งอัสซีเรียก็ได้ยกไปและกลับบ้านและอยู่ในนีนะเวห์ 38ขณะเมื่อท่านนมัสการในโบสถ์ของพระนิสโรกพระเจ้าของท่านอัดรัมเมเลคและชาเรเซอร์โอรสของท่านก็ประหารท่านเสียด้วยดาบและหนีไปยังแผ่นดินอารารัตและเอสารฮัดโดนโอรสของท่านขึ้นครอบครองแทนท่าน

อิสยาห์ 38

1ครั้งนั้นเฮเซคียาห์ทรงประชวรใกล้จะสิ้นพระชนม์และผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรอามอสเข้ามาเฝ้าพระองค์และทูลพระองค์ว่า"พระเจ้าตรัสดังนี้ว่าจงจัดการการบ้านการเมืองให้เรียบร้อยเจ้าจะต้องตายเจ้าจะไม่ฟื้น" 2แล้วเฮเซคียาห์ทรงหันพระพักตร์เข้าข้างฝาและอธิษฐานต่อพระเจ้าว่า 3"ข้าแต่พระเจ้าขอทรงระลึกถึงว่าข้าพระองค์ได้ดำเนินอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ด้วยความซื่อสัตย์และสิ้นสุดใจและได้กระทำสิ่งที่ดีในสายพระเนตรของพระองค์"และเฮเซคียาห์ทรงกันแสงมากยิ่ง 4แล้วพระวจนะของพระเจ้ามาถึงอิสยาห์ว่า 5"จงไปบอกเฮเซคียาห์ว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของเจ้าตรัสดังนี้ว่าเราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าแล้วเราได้เห็นน้ำตาของเจ้าแล้วดูเถิดเราจะเพิ่มชีวิตให้เจ้าสิบห้าปี 6เราจะช่วยกู้เจ้าและเมืองนี้จากมือของพระราชาอัสซีเรียและป้องกันเมืองนี้ไว้ 7นี่เป็นหมายสำคัญสำหรับฝ่าพระบาทจากพระเจ้าที่พระเจ้าจะทรงกระทำสิ่งนี้ตามที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้ 8ดูเถิดเราจะกระทำให้เงาที่ดวงอาทิตย์ทอดมาบนนาฬิกาแดดของอาหัสย้อนกลับมาสิบขั้น"ดวงอาทิตย์ก็ได้ย้อนกลับบนนาฬิกาแดดสิบขั้นตามขั้นที่ได้ตกไป9บทประพันธ์ของเฮเซคียาห์พระราชาแห่งยูดาห์หลังจากที่พระองค์ได้ทรงประชวรและทรงฟื้นจากการประชวรของพระองค์นั้นมีว่า 10ข้าพเจ้าว่าเมื่อชีวิตของข้าพเจ้ามาถึงกลางคนข้าพเจ้าจะต้องพรากไปข้าพเจ้าถูกมอบไว้ที่ประตูแดนคนตายตลอดชีวิตบั้นปลายของข้าพเจ้า 11ข้าพเจ้าว่าข้าพเจ้าจะไม่เห็นพระเจ้าในแผ่นดินของผู้มีชีวิตข้าพเจ้าจะมองไม่เห็นมนุษย์อีกที่ในหมู่ชาวแผ่นดินโลก 12ที่อยู่ของข้าพเจ้าถูกรื้อถอนออกไปจากข้าพเจ้าอย่างกับเต็นท์ของผู้เลี้ยงแกะข้าพเจ้าได้ม้วนชีวิตของข้าพเจ้าเหมือนอย่างคนทอผ้าพระองค์ทรงตัดข้าพเจ้าออกจากหูกพระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามาถึงอวสานทั้งวันและคืน 13ข้าพเจ้าได้ถ่อมตัวลงจนรุ่งเช้าพระองค์ทรงหักกระดูกทั้งสิ้นของข้าพเจ้าเหมือนอย่างสิงห์พระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามาถึงอวสานทั้งวันและคืน14ข้าพเจ้าร้องอย่างนกนางแอ่นหรือนกกรอดข้าพเจ้าพิลาปอย่างนกพิราบตาของข้าพเจ้าเหนื่อยอ่อนด้วยมองขึ้นข้างบนข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์ถูกบีบบังคับขอพระองค์ทรงเป็นผู้ประกันของข้าพระองค์ 15แต่ข้าพเจ้าจะพูดอะไรได้เพราะพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าแล้วและพระองค์เองได้ทรงกระทำเช่นนั้นข้าพเจ้าก็ดำเนินไปด้วยความสงบเสงี่ยมตลอดชีวิตของข้าพเจ้าเพราะความขมขื่นแห่งจิตใจของข้าพเจ้า 16ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้ามนุษย์ดำรงชีพอยู่ได้ด้วยสิ่งเหล่านี้และชีวิตแห่งวิญญาณของข้าพระองค์ก็อยู่ในสิ่งเหล่านี้ขอทรงให้ข้าพระองค์หายดีและขอทรงทำให้ข้าพระองค์มีชีวิต 17นี่แน่ะเพราะเห็นแก่สวัสดิภาพของข้าพระองค์ข้าพระองค์จึงมีความขมขื่นมากยิ่งแต่พระองค์ทรงรักชีวิตของข้าพระองค์ไม่ให้ตกหลุมแห่งความพินาศเพราะพระองค์ทรงเหวี่ยงบาปทั้งสิ้นของข้าพระองค์ไว้เบื้องพระปฤษฎางค์ของพระองค์ 18เพราะแดนคนตายโมทนาพระคุณพระองค์ไม่ได้ความมรณาสรรเสริญพระองค์ไม่ได้บรรดาคนที่ลงไปยังปากแดนคนตายนั้นจะหวังในสัจธรรมของพระองค์ไม่ได้ 19คนเป็นคนเป็นเขาโมทนาพระคุณพระองค์อย่างที่ข้าพระองค์กระทำในวันนี้บิดาได้สำแดงถึงสัจธรรมของพระองค์แก่ลูกของเขา20พระเจ้าจะทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดและข้าพเจ้าทั้งหลายจะเล่นเครื่องสายของข้าพเจ้าตลอดวันเวลาแห่งชีวิตของข้าพเจ้าทั้งหลายที่พระนิเวศของพระเจ้า 21ฝ่ายอิสยาห์ได้กล่าวว่า"ให้เขาเอาขนมมะเดื่อมาแผ่นหนึ่งและแปะไว้ที่พระยอดเพื่อพระองค์จะฟื้น" 22เฮเซคียาห์ได้ตรัสด้วยว่า"อะไรจะเป็นหมายสำคัญว่าข้าพเจ้าจะได้ขึ้นไปยังพระนิเวศของพระเจ้า"

อิสยาห์ 39

1คราวนั้นเมโรดัคบาลาดันโอรสของบาลาดันพระราชาแห่งบาบิโลนทรงส่งราชสารและเครื่องบรรณาการมายังเฮเซคียาห์เพราะพระองค์ทรงได้ยินว่าเฮเซคียาห์ทรงประชวรและทรงหายประชวรแล้ว 2และเฮเซคียาห์ทรงเปรมปรีดิ์เพราะเขาเหล่านั้นและทรงพาเขาชมคลังทรัพย์ของพระองค์ชมเงินทองคำและเครื่องเทศและน้ำมันประเสริฐและคลังแสงของพระองค์ทุกอย่างซึ่งมีในท้องพระคลังไม่มีสิ่งใดที่ในพระราชวังหรือในราชอาณาจักรของพระองค์ซึ่งเฮเซคียาห์มิได้ทรงสำแดงแก่เขา 3แล้วผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ก็เข้าเฝ้ากษัตริย์เฮเซคียาห์และทูลพระองค์ว่า"คนเหล่านี้ทูลอะไรบ้างและเขามาแต่ไหนเข้าเฝ้าพระองค์"เฮเซคียาห์ตรัสว่า"เขาได้มาหาเราจากเมืองไกลจากบาบิโลน" 4ท่านทูลว่า"เขาเห็นอะไรในพระราชวังของพระองค์บ้าง"และเฮเซคียาห์ตรัสตอบว่า"เขาเห็นทุกอย่างในวังของเราไม่มีสิ่งใดในพระคลังของเราซึ่งเรามิได้สำแดงแก่เขา" 5แล้วอิสยาห์ทูลเฮเซคียาห์ว่า"ขอทรงฟังพระวจนะของพระเจ้าจอมโยธา6ดูเถิดวันเวลากำลังย่างเข้ามาเมื่อสรรพสิ่งทั้งสิ้นในวังของเจ้าและสิ่งซึ่งบรรพบุรุษของเจ้าได้สะสมจนถึงทุกวันนี้จะต้องถูกเอาไปยังบาบิโลนจะไม่มีสิ่งใดเหลือเลยพระเจ้าตรัสดังนี้แหละ7และลูกบางคนซึ่งถือกำเนิดจากเจ้าผู้ซึ่งเกิดมาแก่เจ้าจะถูกนำเอาไปและเขาจะเป็นขันทีในวังของราชาแห่งบาบิโลน" 8แล้วเฮเซคียาห์ตรัสกับอิสยาห์ว่า"พระวจนะของพระเจ้าซึ่งท่านกล่าวนั้นก็ดีอยู่"เพราะพระองค์ดำริว่า"จะมีความอยู่เย็นเป็นสุขและความปลอดภัยในวันเวลาของเรานี้"
,

เมื่อการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลรอบเพลย์ออฟจบลง และทีมกรีนเบย์ แพคเกอร์ฉลองชัยชนะเหนือทีมชิคาโก แบร์ ลิซ่า ลูกสาวของผมสังเกตเห็นว่า เอเลียนนา ลูกสาววัย 4 ขวบของเธอกำลังร้องไห้ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกเนื่องจากพ่อแม่ของเอเลียนนาไม่ได้สนใจเป็นพิเศษว่าทีมไหนจะชนะ
ลิซ่าถามเอเลียนนาว่าร้องไห้ทำไม เธอตอบว่า “หนูสงสารทีมแบร์ค่ะ พวกเขาดูเศร้าจัง”
เราเรียนรู้เรื่องความเมตตาสงสารจากหนูน้อยที่ยังไม่เข้าโรงเรียนคนนี้ได้หรือไม่? ในโลกที่ให้ความสำคัญกับชัยชนะและผู้แพ้ถูกปฏิเสธถูกลืม และถูกดูหมิ่น เราต้องเตือนตัวเองว่าผู้คนต้องการความเมตตาสงสาร เมื่อเราเจอผู้คนซึ่งกำลังต่อสู้กับความพ่ายแพ้ เรายินดีที่จะร้องไห้กับเขา โอบกอด และยื่นมือช่วยเหลือหรือไม่?
พระคัมภีร์หลายตอนท้าทายเราให้ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเมตตาสงสารฟีลิปปี 2:1-3 บอกให้เราคิดถึงคนอื่น และเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นมากกว่าตัวเอง 1 เปโตร 3:8-12 ย้ำเตือนว่า ความเมตตาสงสารหมายถึง การปรนนิบัติซึ่งกันและกัน “ฉันพี่น้อง” และโคโลสี 3:12-15 กล่าวว่า ใจเมตตาใจปรานี และใจถ่อม เป็นเครื่องหมายของคนที่ได้รับการไถ่จากพระเจ้าแล้ว
ลองมองดูคนรอบตัวคุณ มีใครบ้างที่กำลังประสบกับความพ่ายแพ้? อย่าเพียงแค่รู้สึกสงสาร แต่จงสำแดงความเมตตาและความรักของพระเจ้าแก่พวกเขา – JDB
ขอดวงจิตคิดแต่กรุณา
มีวิญญาห่วงหาเอาใจใส่
ทั้งความคิดกิจวาจาคนใกล้ไกล
สัมผัสได้พระเมตตาของพระองค์ – Fitzhugh
มาตรวัดความเหมือนของเรากับพระคริสต์
ได้แก่ ความรู้สึกที่ไวต่อความทุกข์ของผู้อื่น 


ขอบคุณพระเจ้า ที่วันนี้ได้คำตอบจากพระองค์ในบางอย่างแล้ว
อาเมน

สะอาดหมดจด

อ่าน: 1 ยอห์น 1:1-10
ถ้าเราสารภาพบาปของเราพระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น – 1ยอห์น1:9




เพื่อนของผมเล่าให้ฟังว่าในปีที่ผ่านมาเขาต้องรับการบำบัดด้วยยาอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาโรคมะเร็ง รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าเป็นคำพยานอันทรงพลังถึงข่าวดีที่เขาเพิ่งได้รับเขากล่าวว่า ในการตรวจสุขภาพรอบหนึ่งปีหมอประกาศว่าผลการตรวจทุกอย่างล้วนบ่งชี้ไปในทางเดียวกันว่า “คุณสะอาดหมดจด!” คำสองคำนี้เปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง! สำหรับเพื่อนของผมแล้ว คำว่าสะอาดหมดจดหมายถึง เชื้อโรคทุกตัวที่คุกคามชีวิตของเขาในช่วงไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้นได้ถูกขจัดออกไปจากร่างกายจนหมดสิ้นเราชื่นชมยินดีเมื่อได้ยินว่าเขาสะอาดหมดจดแล้ว!
หลังจากกษัตริย์ดาวิดทำผิดศีลธรรมกับนางบัทเชบา ก็ปรารถนาให้เกิดความสะอาดหมดจดในใจของท่าน ด้วยความหวังว่ามลทินบาปของท่านจะถูกลบล้างออกไป ท่านร้องทูลว่า “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงสร้างใจสะอาดภายในข้าพระองค์และฟื้นน้ำใจที่หนักแน่นขึ้นใหม่ภายในข้าพระองค์” (สดด.51:10) ข่าวดีสำหรับดาวิดและเราทุกคนก็คือ บาปของเราสามารถถูกกำจัดออกไปได้เมื่อเราต้องการการชำระ ถ้อยคำของยอห์นที่เราคุ้นเคยกันดีจะช่วยให้เรามีความหวัง “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรมก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” (1 ยน.1:9)
เราไม่สามารถชำระใจของเราเองได้ พระเจ้าเท่านั้นที่ทำได้ ถ้าเราสารภาพบาปของเราต่อพระองค์ พระองค์ทรงสัญญาว่าจะทำให้เราสะอาดหมดจด! – BC
โอพระเจ้าขอโปรดตรวจจิตใจข้า ทดลองว่าความคิดนั้นเป็นอย่างไร
หากพระองค์พบความชั่วใจมักใหญ่ ขอโปรดให้ทรงชำระสะอาดพลัน – Orr
การสารภาพบาปต่อพระเจ้า
จะนำมาซึ่งการชำระจากพระองค์เสมอ

วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555

True love but was unable to take care of it.


Love of yours, its sound tells me that you're concerned about me.
That hand of yours that touches my forhead during the days when I'm unwell.
Every scene, every episode, they never fade away even though they had passed by however long ago.
And every scene, every episode, that kept emphasising the thing that I became since losing you.
That I am a stupid person, more so than anyone else, having had true love but was unable to take care of it
Got to know it's value but then it's too late, broken-hearted, however much I thought of reverting the story, I'm able but only to dream.
Stick our picture, which was torn apart, back together.
But will our paths meet again? Or that I should accept it?
Because every scene, every episode, they never fade away even though they had passed by however long ago.
And every scene, every episode, that kept emphasising the thing that I became since losing you.
Tell me a little, just where there will be a door for me to revert to the nights and days,
that I had you; I'll take a good care of you, once again...
I am that stupid person, more so than anyone else, having had true love but was unable to take care of it.
Got to know it's value but then it's too late, broken-hearted, however much I thought of reverting the story, I'm able but only to dream.