วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สรรเสริญพระเจ้าสำหรับค่ำคืนวันเสาร์ เข้าสู่เช้าวันอาทิตย์

วันนี้...ขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงมาทันเวลาจริงๆ ก่อนที่จะทำสิ่งที่โง่เขลา
"เมื่อใจของข้าพระองค์ขมขื่น เมื่อข้าพระองค์เสียวแปลบถึงหัวใจ
ข้าพระองค์เขลาและไม่รู้เรื่อง ข้าพระองค์ประพฤติตัวเหมือนสัตว์ต่อพระองค์" (สดด.73:21-22)

หลายๆครั้งที่เรายินยอมให้ความขมขื่นเพราะอะไรบางอย่าง หรือกับใครบางคนเข้ามาครอบงำความคิดของเรา แล้วเราก็กักขังตัวเองไว้ในความสงสารตัวเอง และเฝ้าถามหาความยุติธรรมอยู่ที่ไหน? แถมบางทีเราก็ทำอะไรอย่างสิ้นคิด ตามอารมณ์ ประชดประชัน น้อยอกน้อยใจ หรือโกรธ ... เราได้เขลาและทำไปอย่างไม่รู้เรื่อง ทำตัวตามสัญชาตญาณเหมือนสัตว์ แบบว่า...พร้อมสู้เพื่อรักษาสัทธิ์ ในสภาวะเพื่อ "เอาตัวรอด" หรือคิดว่า "อดและทนมาพอแล้ว ขอทีเห่อะ...!"

เราได้ลืม "ความจริง" ว่าเราเป็นใคร? และเราได้ลืมว่า...พระเจ้าทรงเป็นผู้ใด? ทรงอยู่ในเราแล้วในขณะนี้ ... และเราได้มอบชีวิตของเราให้กับพระเจ้าทรงครอบครองแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่เราได้ตัดสินใจรับเชื่อ ฉะนั้น ...
"ข้าพเจ้าไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินโดยความเชื่อในพระบุตรของพระเจ้าผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า" (กท.2:20)

ใช่...เราลืมความจริงนี้ไปแล้วจริงๆ ว่าเราได้มอบชีวิตนี้แด่พระเจ้าไปหมดแล้ว เราเชื้อเชิญพระองค์เข้ามาในชีวิตเป็นเจ้านาย และองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแล้ว และขณะนี้...พระวิญญาณฯของพระเจ้าทรงประทับอยู่ภายในเรา ฉะนั้น...วันนี้ หากเรายินยอมให้ความขมขื่น ความเจ็บช้ำนั้นอยู่ในหัวใจของเรา และไม่ยอมจะให้อภัย หรือบางที...บางคนอาจจะคิดว่า "ไม่เป็นฉัน...ก็ไม่รู้สึกหรอกว่ามันเจ็บปวดมากแค่ไหนที่ 'มัน' คนนั้นได้ทำกับฉัน? และไม่รู้หรอกว่า "มัน" คนนั้นได้ทำอะไรกับฉันบ้าง?"

โอ...เราช่างเขลาจริงๆ มีสิ่งใดที่ปิดซ่อนจากพระเจ้าได้อีกหรือ? "พระเนตรของพระองค์เห็นข้าพระองค์ตั้งแต่ยังไม่เป็นรูปทรง วันทั้งสิ้นที่กำหนดให้ข้าพระองค์นั้นถูกบันทึกไว้ในหนังสือของพระองค์ตั้งแต่ยังไม่มีวันนั้นเลย" (สดด.139:16)

ไม่รู้หรือว่า การกระทำอย่างนั้น การคิดแบบนั้นเป็นการทำให้พระวิญญาณฯที่รักเรานั้นเสียพระทัย และเราก็ได้ทำให้การตายของพระคริสต์ไร้ค่าจริงๆ (อฟ.4:30-31)

และทำไมเราทำไม่ได้ อภัยไม่ได้ ก็เพราะว่าเราเอาแค่คิดถึงความเจ็บปวด และพูดเยินยอความเจ็บช้ำนั้นไม่เลิก เรากำลังยกเครดิตให้มันยิ่งใหญ่กว่าพระเจ้าของเราเสียอีก เราลืมแล้วหรือว่า... "เราได้ตายแล้วจากความรู้สึกเหล่านั้น" และบัดนี้เราก็มีชีวิตใหม่อยู่ในพระคริสต์เรียบร้อยแล้ว เราย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตไม่ได้ และความเจ็บช้ำทั้งหลายก็เป็นเรื่องราวเป็นประวัติศาสตร์ของชีวิตเรา ... ทำไม เราไม่เชื่อหรือว่าพระเจ้าทรงรักเรามากขนาดไหน ทรงสละพระบุตรองค์เดียวแก้วพระเนตรของพระองค์มาตายอย่างทรมานเพื่อไถ่เราจากความเจ็บปวดทั้งสิ้นในอดีต เพื่อที่เราจะมีชีวิตใหม่ในปัจจุบัน และเราจะสามารถสร้างวันพรุ่งนี้ให้เป็นอดีตที่สวยงามใหม่ของเราได้จริงๆ

จงเลิกยกย่องอดีตที่เจ็บปวด หันมายกย่องสรรเสริญพระเจ้าแทนดีกว่า รู้ไหม...คนที่เอาแต่ไปพรรณาถึงบาดแผลในอดีตที่เกิดเพราะบางสิ่งหรือกับใครบางคนไม่หยุดนั้น เขาเป็นคนที่น่าสงสารจริงๆ เพราะเขาชอบที่จะเป็น "นักโทษ" มากกว่าที่จะเป็น "อิสระ" จริงๆ

พูดไป บ่นไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกนะ ... มีแต่จะเลวร้ายลงเรื่อยๆ และที่สำคัญคำพูดของเราในวันนี้ ไม่นานก็จะวนกลับมาทำร้ายเราเองเข้าสักวันแน่ๆ ... จงเข้ามายกย่องและสรรเสริญพระเจ้าดีกว่า อย่าลืมสิ...เราลูกใคร เราลูกพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ เรามีสิทธิอำนาจยิ่งใหญ่กว่าฤทธานุภาพของศัตรู (มาร) ไม่มีอะไรจะมาทำอันตรายพวกเราได้เลย (ลก.10:19) หากว่าเราไม่ยินยอม เพราะ.."ทุกสิ่งที่เรากล่าวห้ามในโลก ก็จะถูกห้ามในสวรรค์ด้วย และสิ่งใดที่เรากล่าวอนุญาตในโลก ก็จะได้รับการอนุญาตในสวรรค์ด้วย" (มธ.16:19)

ว้าววววว...เรามีสิทธิอำนาจถึงเพียงนี้ แล้วเราเคยใช้บ้างหรือยัง? รู้ไหม...คนโง่ที่สุด คือ เมื่อรู้ว่าตัวเองมีอะไรในมือแต่ก็ไม่เคยใช้มันเพื่อประโยชน์ของตัวเองเลยยังไงละ?

วันนี้...เรายินยอมให้ความเจ็บปวด ขมขื่น การไม่ยอมให้อภัยนั้นอยู่ในเรา หรือเราสั่งมันว่า จงไปเสียให้พ้นไอ้ความเจ็บปวด ความขมขื่น และการไม่ให้อภัย...

อธิษฐานแบบนี้สิ...;
"เพราะบัดนี้ ข้าจะเริ่มต้นใหม่กับชีวิตใหม่ เพราะพระเจ้าพระบิดาของข้าได้สะสมสิ่งดีๆมากมายไว้รอข้าแล้ว และถึงเวลาแล้วที่ข้าจะทิ้งสิ่งเก่าเพื่อจะคว้าสิ่งใหม่ที่ดีกว่า ประเสริฐกว่า ไม่ว่าจะอาชีพที่ดี ครอบครัวที่ดี สุขภาพที่ดี การเงินที่ดี การเรียนที่ดี คู่ชีวิตที่ดี คริสตจักรที่ดี พี่น้องที่ดี รถที่ดี และอื่นๆอีกที่ดีๆนับไม่ถ้วนที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้สำหรับคนที่รักพระนามของพระองค์ ฉะนั้น...วันนี้ ข้าจะไม่ยอมให้อดีตที่เจ็บปวดมาฉุดรั้งข้าอีกต่อไป ข้าขอเลิกกับเอ็งไอ้ความเจ็บปวด ความขมขื่นและการไม่ให้อภัย จิตใจของข้าไม่มีที่ว่างสำหรับเอ็งอีกต่อไป และจงไปให้พ้นจากข้า อย่าได้กลับมาอีก เพราะนับจากนี้ข้าจะหันไปรักแต่พระเจ้าองค์เดียว และทุกพื้นที่ในหัวใจนี้มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ครอบครอง ... ในพระนามพระเยซูคริสต์ เอเมน"

แค่นี้...เสรีภาพที่แท้จริงก็เกิดขึ้นกับเราแล้วละ แล้ววันนี้..."เหตุฉะนั้น เมื่อเราได้รับอาณาจักรที่ไม่สั่นสะเทือนแล้ว ก็ให้เรามีใจขอบพระคุณ โดยเหตุนี้เราจึงนมัสการอย่างที่ชอบพระทัยของพระเจ้า ด้วยความเคารพและด้วยความยำเกรง" (ฮบ.12:28)

และเชื่อสิ...การไปโบสถ์ของเราในวันนี้จะไม่เหมือนเดิม เมื่อเราได้พบพระคริสต์แล้วสิ่งสารพัดที่เก่าๆจะหลุดร่วงไป นี่แน่ะจะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งสิ้น

พระเจ้าอวยพระพร นอนหลับฝันดีในอ้อมกอดแห่งพระคุณพระเจ้านะค่ะ
สรรเสริญพระเจ้าสำหรับค่ำคืนวันเสาร์ เข้าสู่เช้าวันอาทิตย์ 

วันนี้...ขอบพระคุณพระเจ้าที่ทรงมาทันเวลาจริงๆ ก่อนที่ผมจะทำสิ่งที่โง่เขลา 
"เมื่อใจของข้าพระองค์ขมขื่น เมื่อข้าพระองค์เสียวแปลบถึงหัวใจ 
ข้าพระองค์เขลาและไม่รู้เรื่อง ข้าพระองค์ประพฤติตัวเหมือนสัตว์ต่อพระองค์" (สดด.73:21-22)

หลายๆครั้งที่เรายินยอมให้ความขมขื่นเพราะอะไรบางอย่าง หรือกับใครบางคนเข้ามาครอบงำความคิดของเรา แล้วเราก็กักขังตัวเองไว้ในความสงสารตัวเอง และเฝ้าถามหาความยุติธรรมอยู่ที่ไหน? แถมบางทีเราก็ทำอะไรอย่างสิ้นคิด ตามอารมณ์ ประชดประชัน น้อยอกน้อยใจ หรือโกรธ ... เราได้เขลาและทำไปอย่างไม่รู้เรื่อง ทำตัวตามสัญชาตญาณเหมือนสัตว์ แบบว่า...พร้อมสู้เพื่อรักษาสัทธิ์ ในสภาวะเพื่อ "เอาตัวรอด" หรือคิดว่า "อดและทนมาพอแล้ว ขอทีเห่อะ...!"

เราได้ลืม "ความจริง" ว่าเราเป็นใคร? และเราได้ลืมว่า...พระเจ้าทรงเป็นผู้ใด? ทรงอยู่ในเราแล้วในขณะนี้ ... และเราได้มอบชีวิตของเราให้กับพระเจ้าทรงครอบครองแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่เราได้ตัดสินใจรับเชื่อ ฉะนั้น ...
"ข้าพเจ้าไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินโดยความเชื่อในพระบุตรของพระเจ้าผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า" (กท.2:20)

ใช่...เราลืมความจริงนี้ไปแล้วจริงๆ ว่าเราได้มอบชีวิตนี้แด่พระเจ้าไปหมดแล้ว เราเชื้อเชิญพระองค์เข้ามาในชีวิตเป็นเจ้านาย และองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแล้ว และขณะนี้...พระวิญญาณฯของพระเจ้าทรงประทับอยู่ภายในเรา ฉะนั้น...วันนี้ หากเรายินยอมให้ความขมขื่น ความเจ็บช้ำนั้นอยู่ในหัวใจของเรา และไม่ยอมจะให้อภัย หรือบางที...บางคนอาจจะคิดว่า "ไม่เป็นฉัน...ก็ไม่รู้สึกหรอกว่ามันเจ็บปวดมากแค่ไหนที่ 'มัน' คนนั้นได้ทำกับฉัน? และไม่รู้หรอกว่า "มัน" คนนั้นได้ทำอะไรกับฉันบ้าง?" 

โอ...เราช่างเขลาจริงๆ มีสิ่งใดที่ปิดซ่อนจากพระเจ้าได้อีกหรือ? "พระเนตรของพระองค์เห็นข้าพระองค์ตั้งแต่ยังไม่เป็นรูปทรง วันทั้งสิ้นที่กำหนดให้ข้าพระองค์นั้นถูกบันทึกไว้ในหนังสือของพระองค์ตั้งแต่ยังไม่มีวันนั้นเลย" (สดด.139:16)

ไม่รู้หรือว่า การกระทำอย่างนั้น การคิดแบบนั้นเป็นการทำให้พระวิญญาณฯที่รักเรานั้นเสียพระทัย และเราก็ได้ทำให้การตายของพระคริสต์ไร้ค่าจริงๆ (อฟ.4:30-31)

และทำไมเราทำไม่ได้ อภัยไม่ได้ ก็เพราะว่าเราเอาแค่คิดถึงความเจ็บปวด และพูดเยินยอความเจ็บช้ำนั้นไม่เลิก เรากำลังยกเครดิตให้มันยิ่งใหญ่กว่าพระเจ้าของเราเสียอีก เราลืมแล้วหรือว่า... "เราได้ตายแล้วจากความรู้สึกเหล่านั้น" และบัดนี้เราก็มีชีวิตใหม่อยู่ในพระคริสต์เรียบร้อยแล้ว เราย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตไม่ได้ และความเจ็บช้ำทั้งหลายก็เป็นเรื่องราวเป็นประวัติศาสตร์ของชีวิตเรา ... ทำไม เราไม่เชื่อหรือว่าพระเจ้าทรงรักเรามากขนาดไหน ทรงสละพระบุตรองค์เดียวแก้วพระเนตรของพระองค์มาตายอย่างทรมานเพื่อไถ่เราจากความเจ็บปวดทั้งสิ้นในอดีต เพื่อที่เราจะมีชีวิตใหม่ในปัจจุบัน และเราจะสามารถสร้างวันพรุ่งนี้ให้เป็นอดีตที่สวยงามใหม่ของเราได้จริงๆ

จงเลิกยกย่องอดีตที่เจ็บปวด หันมายกย่องสรรเสริญพระเจ้าแทนดีกว่า รู้ไหม...คนที่เอาแต่ไปพรรณาถึงบาดแผลในอดีตที่เกิดเพราะบางสิ่งหรือกับใครบางคนไม่หยุดนั้น เขาเป็นคนที่น่าสงสารจริงๆ เพราะเขาชอบที่จะเป็น "นักโทษ" มากกว่าที่จะเป็น "อิสระ" จริงๆ 

พูดไป บ่นไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกนะ ... มีแต่จะเลวร้ายลงเรื่อยๆ และที่สำคัญคำพูดของเราในวันนี้ ไม่นานก็จะวนกลับมาทำร้ายเราเองเข้าสักวันแน่ๆ ... จงเข้ามายกย่องและสรรเสริญพระเจ้าดีกว่า อย่าลืมสิ...เราลูกใคร เราลูกพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ เรามีสิทธิอำนาจยิ่งใหญ่กว่าฤทธานุภาพของศัตรู (มาร) ไม่มีอะไรจะมาทำอันตรายพวกเราได้เลย (ลก.10:19) หากว่าเราไม่ยินยอม เพราะ.."ทุกสิ่งที่เรากล่าวห้ามในโลก ก็จะถูกห้ามในสวรรค์ด้วย และสิ่งใดที่เรากล่าวอนุญาตในโลก ก็จะได้รับการอนุญาตในสวรรค์ด้วย" (มธ.16:19)

ว้าววววว...เรามีสิทธิอำนาจถึงเพียงนี้ แล้วเราเคยใช้บ้างหรือยัง? รู้ไหม...คนโง่ที่สุด คือ เมื่อรู้ว่าตัวเองมีอะไรในมือแต่ก็ไม่เคยใช้มันเพื่อประโยชน์ของตัวเองเลยยังไงละ? 

วันนี้...เรายินยอมให้ความเจ็บปวด ขมขื่น การไม่ยอมให้อภัยนั้นอยู่ในเรา หรือเราสั่งมันว่า จงไปเสียให้พ้นไอ้ความเจ็บปวด ความขมขื่น และการไม่ให้อภัย...

อธิษฐานแบบนี้สิ...;
"เพราะบัดนี้ ข้าจะเริ่มต้นใหม่กับชีวิตใหม่ เพราะพระเจ้าพระบิดาของข้าได้สะสมสิ่งดีๆมากมายไว้รอข้าแล้ว และถึงเวลาแล้วที่ข้าจะทิ้งสิ่งเก่าเพื่อจะคว้าสิ่งใหม่ที่ดีกว่า ประเสริฐกว่า ไม่ว่าจะอาชีพที่ดี ครอบครัวที่ดี สุขภาพที่ดี การเงินที่ดี การเรียนที่ดี คู่ชีวิตที่ดี คริสตจักรที่ดี พี่น้องที่ดี รถที่ดี และอื่นๆอีกที่ดีๆนับไม่ถ้วนที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้สำหรับคนที่รักพระนามของพระองค์ ฉะนั้น...วันนี้ ข้าจะไม่ยอมให้อดีตที่เจ็บปวดมาฉุดรั้งข้าอีกต่อไป ข้าขอเลิกกับเอ็งไอ้ความเจ็บปวด ความขมขื่นและการไม่ให้อภัย จิตใจของข้าไม่มีที่ว่างสำหรับเอ็งอีกต่อไป และจงไปให้พ้นจากข้า อย่าได้กลับมาอีก เพราะนับจากนี้ข้าจะหันไปรักแต่พระเจ้าองค์เดียว และทุกพื้นที่ในหัวใจนี้มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ครอบครอง ... ในพระนามพระเยซูคริสต์ เอเมน"

แค่นี้...เสรีภาพที่แท้จริงก็เกิดขึ้นกับเราแล้วละ แล้ววันนี้..."เหตุฉะนั้น เมื่อเราได้รับอาณาจักรที่ไม่สั่นสะเทือนแล้ว ก็ให้เรามีใจขอบพระคุณ โดยเหตุนี้เราจึงนมัสการอย่างที่ชอบพระทัยของพระเจ้า ด้วยความเคารพและด้วยความยำเกรง" (ฮบ.12:28)

และเชื่อสิ...การไปโบสถ์ของเราในวันนี้จะไม่เหมือนเดิม เมื่อเราได้พบพระคริสต์แล้วสิ่งสารพัดที่เก่าๆจะหลุดร่วงไป นี่แน่ะจะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งสิ้น 

พระเจ้าอวยพระพร นอนหลับฝันดีในอ้อมกอดแห่งพระคุณพระเจ้านะครับ

วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556

จบแล้วจริงๆ

#จบแล้วจริงๆใช่ไหม ช่วยพูดยืนยันได้ไหมเธอ
เพื่อทำให้ใจที่ร้าวมันกลายเป็นแตกสลาย ตอกย้ำให้ฟังอีกที จบแล้วจริงๆใช่ไหม
ช่วยทำให้ฉันเลิกค้างคาใจและยอมรับเรื่องจริง

ไม่คิดซักครั้งว่ารักที่เราเคยทุ่มเทใจ จบกันไปทุกอย่าง
จุดหมายที่หวังวาดไว้มันกลายเป็นสิ่งเลือนลาง เมื่อเธอลากันไป

ปวดร้าวเคว้งคว้างสับสนและยังไม่เชื่อตัวเอง เมื่อไม่มีเธออยู่
อาจเหลือแค่นี้เท่านั้นที่ใจมันอยากรับรู้ จากตัวเธอคนเดียว

เธอหมดใจฉันพอเข้าใจ หัวใจเรามันแตกต่างมีสิ่งเดียวที่ใจต้องการ ก็เพียงแค่อยากจะถามเธอ !?อยากเก็บเค้าไว้ ไม่เป็นไรไม่ว่ากัน

>>>จบแล้วจริงๆใช่ไหม ช่วยพูดยืนยันได้ไหมเธอ
เพื่อทำให้ใจที่ร้าวมันกลายเป็นแตกสลาย ตอกย้ำให้ฟังอีกที จบแล้วจริงๆใช่ไหม
ช่วยทำให้ฉันเลิกค้างคาใจและยอมรับเรื่องจริง<<<

จากนี้ฉันรู้ว่าต้องเผชิญโลกแห่งความจริง ไม่ใช่เพียงฝันไป
และฉันต้องเริ่มเรียนรู้ว่าจะทนอยู่ยังไง อย่างเดียวดายลำพัง

เวลากับคนสองคน

วันเวลาได้นำพาทุกอย่าง ได้นำทางเราสู่ความรัก>>>จบแล้วจริงๆ
ได้สร้างความสัมพันธ์ สองเราให้ต้องการ จะเดินร่วมทางตลอดไป>>>จบแล้วจริงๆ

เวลาเดินไปจิตใจเรานั้นเปลี่ยน ต่างคนมีทางที่ต่างกัน
ถึงแม้จะตั้งใจ ควบคุมมันเท่าไร แต่มันไม่ดีขึ้นมาเลย

ได้มองเธอทุกครั้ง (((ในหัวใจฉันยังเจ็บ))) ยังคงคิดถึงวันเรารักกัน
แต่มันถึงวันนี้ ‪#‎ถึงเวลาต้องจากกัน‬ ไม่มึวันเวลานั้นแล้ว

เวลาเดินไปไม่เคยจะหวนกลับ ฝากเพียงรอยทางกับความหลัง
ฉันหวังว่าวันหนึ่ง แม้ใจเราร้าวราน ‪#‎เวลาจะรักษาใจเราเอง‬

วันพุธที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556

วันแย่ๆ



บางครั้งคุณอาจจะเจอกับสิ่งที่คุณแสวงหา

อย่าตัดสินหนังสือว่าดี แค่ปกสวยๆ ~ ♡
อย่าบอกว่าน่ารักเหลือเกิน แค่คุยกันหนเดียว

คนที่ไม่ชอบหนังสือ ไม่ได้หมายถึงว่า..
จะไม่มีหนังสือเล่มแรกที่ชอ

คนที่บอกว่าไม่แต่งงาน..
อาจชิงแจกการ์ดก่อนคนหลายคน

การชอบหนังสือสักเล่ม
ไม่ได้หมายความว่า.. หนังสือนั้นดีทุกหน้า

การรู้สึกดีกับคนบางคน
ไม่ได้หมายความว่า.. เขาไม่มีข้อเสียอะไรเลย

จงรู้สึกดีเถิด.. กับการอ่านหนังสือสักเล่ม
จงรู้สึกดีเถิด.. กับการใช้เวลากับใครสักคน


#บางครั้งคุณอาจจะเจอกับสิ่งที่คุณแสวงหา



วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556

แค่แอบมีเธอ...ไว้ข้างๆหัวใจ




ก็ไม่ได้อยากจะเป็นตัวจริงของเธอ
แค่อยากเจอหน้าเธอแล้วก็อมยิ้มอยู่อย่างนั้น
แค่ได้แอบรักเธอก็สุขใจทั้งคืนวัน
แม้เธอนั้นมองฉันเหมือนคนอื่นทั่วไป
แต่ฉันก็จะรักเธออย่างเงียบเงียบ
ให้ใจเย็นเฉียบดังสนั่นหวั่นไหว
เพราะฉันรักเธออย่างไม่หวังสิ่งตอบแทนใดใด
และจะแอบรักเธออย่างนี้ตลอดไปไม่เปลี่ยนแปลง



Pattaya Sep 28-29,2013


วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

All My Heart...Your the one make me smile ^^





ทุกคนก็คงจะมีคนที่พิเศษที่สุดในชีวิต คนที่สำคัญไม่แพ้ลมหายใจ 


หรืออาจจะสำคัญน้อยกว่าในบางคน 


แค่ขอให้รู้ไว้้... เมื่อวันสุดท้ายมาถึง 
..วันที่คนๆ นั้นต้องจากคุณไป คุณจะไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ 
..อย่างน้อย.. ก่อนที่เวลานั้นมาถึง..

------------------------

..อยากจะให้คุณดูแลคนๆ นั้นให้ดี..
..บางสิ่งที่หายไป อาจได้คืนมาราวปาฏิหารย์...
..แต่บางสิ่งบางอย่าง.. เราก็ไม่สามารถเรียกมันกลับคืนมา...

------------------------



..บอกรักเขาตั้งแต่วันนี้.. ก่อนที่คุณจะไม่มีโอกาสได้บอกอีกต่อไป..

ดาวบนฟ้า...คว้ามาได้...ใครจะร่วมชื่นชม


เลิกเถอะถ้าเป็นแบบนี้...

ทําไงดีแฟนไม่สนใจ
ความรักเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน การคบหาดูใจกันเป็นเรื่องปกติในสังคม และคำที่ได้ยินปล่อยๆหลังจากเริ่มคบกัน คือคำว่าหมดโปร แล้ว ช่วงใหม่ๆอาจรักกันดี แทบจะอุ้มเดิน แล้วอยู่ๆก็เปลี่ยนไป กลายเป็นคนไม่สนใจใยดี แล้วเราจะทำอย่างไรดี ยิ่งเรียกร้องความสนใจ เรายิ่งรู้สึกแย่ลง เจอแบบนี้จะทำอย่างไ
  • ทำตัวให้ปกติที่สุด
  • ทำตัวเองให้มีค่า ถ้าเขาไม่สนใจเรา เราก็ไม่สนใจเขา เขาจะเริ่มถึงความผิดปกติของเรา
  • อย่าปล่อยตัว ให้เขาจนหมด อะไรที่สมควรสงวนเอาไว้ก็ควรเก็บเอาไว้ เราจะมีค่ามากขึ้น
  • พยามทำตัวออกห่างเขา ดูว่าเขาสนใจเราหรือเปล่า หากไม่ได้ผลก็ห่างออกไปไหลๆ (เลิกกันไปเลย)
  • พูกกับเขาตรงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิมไหม ถ้ายังเหมือนเดิมให้ปรับตัวใหม่
  • อย่ายอมเขาทุกอย่าง ทำตัวเองให้มีค่า
  • ถ้าเขาเลือกที่จะไปจากเรา ให้คุยกันด้วยเหตุผล หากไปกันไปรอด อย่าพยามดึงตัวเขาไว้ เพราะเราจะดูแย่ลงทันที
อันนี้เป็นเพียงข้อที่ควรปฏิบัติ อาจไม่ถูกกับทุกคนฉนั้นควรทำตาม สถานะการณ์ที่เหมาะสม ที่สำคัญ รักตัวเองให้มากๆ อย่ารักคนอื่นจนลืมรักตัวเราเอง ทำตัวเองให้มีค่า เขาจะสนใจเรามากขึ้น ยิ่งรักมากแสดงออกมาก เราจะมีค่าน้อยลง จงจำไว้...

True story

Sometimes we need to forget some people from our past, 

because of one simple reason; they just don't belong in our future.

God often removes a person 

from your life for your protection. Think before 

running after them.


Love me when I least deserve it, because that's when I really need it

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เวลา...จะทำให้เรา''เข้าใจ''



บางครั้ง "ความเหงา"
ไม่ได้เกิดขึ้นจากการที่เรา"อยู่คนเดียว"

แต่มันเกิดขึ้น
แม้กระทั่งตอนที่เราอยู่กับผู้คน...มากมาย

เพียงแต่ "ใครบางคน" ไม่อยู่

ความที่รักยิ่งใหญ่
ไม่เสียใจ
แม้จะไม่ได้อะไรกลับคืนมา

คุณจะไม่พูด คำว่าไม่มีเวลา
ถ้าคุณเห็นคุณค่าของคนที่รอ

เวลาของคนที่ตั้งใจ  "รอ"
มัก...นานพอๆกับ
เวลาของคนที่ตั้งใจ  ''ลืม''


เวลาชอบ พราก...
คนสำคัญ ไปจากหัวใจ
แต่  เวลา ก็ไม่เคยพราก
ใครออกจาก "ความทรงจำ"

บางครั้ง...เราต้องยอม เดินห่างจากบางสิ่ง เพื่อจะได้ยืนดู 

ความจริงบางอย่างให้ ''เข้าใจ''


ดาวในน้ำ

เพิ่งได้รู้โลกนี้ก็มีสิ่งนี้อยู่ เมื่อได้เห็นภาพนี้ด้วยตาของฉัน
พรายน้ำที่ท้องทะเลส่องเป็นประกายนับพัน เหมือนแสงดาวในคลื่นลม

ก็ไม่เหมือนบนฟ้าที่ดาวอยู่แสนไกล ดาวบนฟ้าฉันคว้าเท่าไรไม่ถึง
แต่เป็นดาวในน้ำที่เห็น ยื่นมือออกไปก็เจอ คล้ายว่าจะเหนื่อยละเมอมาเป็นฟ้าคราม

ช่างสวยสวยเกินกว่าคำพูดไหน ดาวในน้ำนับร้อยนับพันพรั่งพราย
ถึงจะมีแสงดาวอยู่ตรงนี้รอบๆตัวฉัน ฉันอยากจะเก็บมันไว้ให้เธอ

หากมีเธอคืนนี้ก็คงดูสวยงาม อยากให้เธอได้เห็นภาพดาวในน้ำ
แบ่งปั้นความสุขนี้ที่พบ พร้อมเธอคนที่รักกัน เสียดายจริงๆที่เธอไม่เคยเห็นมัน
เก็บในหัวใจ ไปฝากเธอ



วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2556

คนบางคน...ในบางครั้ง

บางคน...ต้องการ...รักครั้งแรก
บางคน...อยากเป็น...รักสุดท้าย
บางคน...ขอรัก...จนวันตาย
บางคน...ขอแค่ได้...รัก...ก็พอ
บางครั้ง...เข้มแข็ง ก็ไม่ได้แปลว่า รับได้ทุกอย่าง
บางครั้ง...ถอยห่าง ไม่ได้แปลว่า ไม่อยากอยู่ใกล้
บางครั้ง...เฉยชา ไม่ได้แปลว่า ไม่มีหัวใจ
บางครั้ง...ยิ้มให้ใครต่อใคร ไม่ได้แปลว่าแผลในใจจะหายดี

คนบางคน...แคร์ความรู้สึกอื่นมากไป

จนลืมไปว่า...ใครอีกคนก็รอการ Take care 

ความไม่ชัดเจนของใครบางคน

อาจทำให้ ใครอีกคนเจ็บปวดอย่างชัดเจน...

คนที่เราคิดว่าเรารู้จักเค้าดี

บางทีเราได้แค่"รู้จัก"เค้า

อย่าทำให้รู้สึกดี ทั้งที่เธอไม่ได้รู้สึก"รัก"




ได้ยินบ้างไหม...???

บางคราวยังเหมือนว่าเธออยู่ตรงไหน
เรื่องราวที่ดีก็ยังฝังใจ...บางความทรงจำเก่าเก่า
ก็ยังงดงามไม่คลาย
กระจ่างอยู่ข้างในเมื่อไรที่คิดขึ้นมา...แล้วเคยหรือไม่ที่คิดเหมือนกัน
คิดถึงเรื่องราวเก่าๆ แล้วยังทบทวนถึงมัน
สิ่งดีๆ กับคืนและวันของฉันและเธอ

และยังคงยิ้ม ยิ้ม ทั้งน้ำตา
ที่ผ่านไปแล้วไม่หวนคืนมาก็ไม่เสียดาย
แค่เพียงคิดถึงว่าเคยได้มี บางครั้งก็ยังชื่นใจแม้จะมีเก็บไว้แค่ความทรงจำ

อยากเก็บเอาไว้แค่เพียงสิ่งดีๆ
ถึงวันนี้มีแต่ความเหงาใจ...ก็เป็นเพียงแค่ความสุขใจ เมื่อคิดถึงเธอ
มีเพียงบางครั้งที่เธออาจจะยังสงสัย??
ว่าเธอเองจะเคยบ้างไหมที่คิดเหมือนกัน
(((ว่าเธอเองจะเคยบ้างไหมที่คิดเหมือนกัน)))




ฉันเองก็อยากจะรู้...เธอเคยรักใคร จริงๆหรือเปล่า...
เคยเสียอะไรที่เรา "รักมาก"ไปไหม?
เคยเห็น คุณค่าของคำว่า รัก ไหม?
เคยเสียใจ กับสิ่งที่ผ่านมาหรือเปล่า...?

กว่าที่ฉันจะผ่านมาจุดนี้ได้...ต้องบอกว่าแทบแย่
ต้องบอกว่า...แทบตายต่างหาก
ความรักของฉัน...โดนบรรจุใส่ขวดทิ้งกลาง มหาสมุทร...
ฉันเฝ้ามองมันทุกวัน...วันแล้ว วันเล่า จากวันกลายเดือน
จากเดือนกลายเป็นปี
จากปีกลายเป็นหลายปี...จากหลายปีกลายเป็นเป็นลมหายใจ
สุดท้ายของฉันไปแล้ว...
ฉันยังเสียใจอยู่ได้ยินไหม?
เธอรู้บ้างไหม?


ตอบ...อยากจะรู้ Nov, 2-3 :2011

จะทำร้ายกันขนาดนี้ เพื่ออะไร

ฉันไม่อยากจะปล่อยมือเธอไป  แต่เหมื่อนว่าเธอไม่ได้จับมือฉันมาตั้งแต่แรก 
ฉันได้เพียงแต่กำสิ่งที่ว่างปล่าวไว้ในมือ

จะคำว่า "ลา" หรือคำว่า "รัก" บอกฉันให้ชัดเจนได้มั้ย เพราะว่าฉันไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไรจากฉัน 
หรือเธอเพียงแค่ผ่านมาทางนี้

สำหรับเธอ อาจเป็นเวลาที่แสนนาน และเจ็บปวด  แต่สำหรับฉันมันเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้น 
และแสนสาหัส และเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากด้วยเช่นกัน 

แค่อยากจะรู้ว่าเธอรักฉันจริงอยู่หรือปล่าว หรือว่าต้องการไปจากฉัน    
เพราะสิ่งที่เธอทำ ทำให้ฉันไม่รู้อะไรเลย

ฉันอาจอ่อนแอเกินไป เพราะว่าหัวใจของฉันเป็นแค่ก้อนเนื้อ ไม่ใช่ก้อนหิน  
ขอโทษถ้าทำให้เธอต้องลำบากใจ และวุ่นวายกับชีวิตเธอเกินไป

              รักเธอเสมอ แม้มันไม่มีค่าอะไร           . . . ขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง


ไม่เคยคิดที่จะทำร้าย...ไม่มีสิทธิที่จะคิด
แม้เธอจะไม่ปล่อยมือฉันไป...สักวันหนึ่งต้องมีคนเสียใจเพราะ...เราสองคน

มือของเรา...กำแน่นอยู่แล้ว แต่มือที่สามนี่...น่าคิด
หมื่นคำลา...เจ็บไม่เท่า...แค่สายลมพัดผ่าน...ไม่มีใครอยากเป็นทางผ่านของใคร

ใช่...ฉันยอมรับฉันเจ็บปวด...ฉันเสียใจ...แต่ฉันไม่สาหัส
ถ้าเธอลอง คิดดีๆ ฉันซะอีกที่เป็นคนไม่รู้อะไรเลย

คนมาทีหลัง...ย่อมผิด เธอว่าไหม...ไม่มีใครอยากเป็นที่สาม ที่สี่ ของใคร?
ฉันเองก็เสียใจไม่แพ้เธอ...

ความรักมีคุณค่าเสมอนะ แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมองเห็นไม่เห็น

To... รักเธอเสมอ          และยังรอตามคำสัญญานะ          

ขอเธออย่าเงียบหายไปอย่างนี้ได้มั้ย ฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างรัย

อยากได้ยินคำพูดที่ชัดเจนจากเธอซักคำจะได้มั้ย ให้ฉันได้มั่นใจมากกว่านี้ แค่คำเดียวก็พอ

             ทุกครั้งที่เราเจอกันฉันดีใจและสุขใจมากมาย แต่ทุกครั้งที่ห่างกันเธอทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันแค่คิดไปเองว่าเธอรักฉัน

                                                            รักเสมอ                        TT^TT
                                                                         ......Sandy




วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สายลม...




และวันนี้ที่รั้งเราไว้เช่นกัน

ด้วยอดีตปัจจุบันที่แตกต่างกัน
บาดแผลมากมายที่เรานั้นมี

สุขทุกข์มากคราวเป็นเพียงสายลม
ที่จะผ่านเข้ามาและจากเธอไปไม่นาน


"ขอบคุณ ขุนเขา" เช่นกัน

เพราะเราไม่สามารถรักคนที่เขารักเราได้
เราจึงต้องมาเสียใจกับ
คนที่เรารักเขา
ทั้งๆที่เขาไม่ได้ใส่ใจเราเลย


แม้ขุนเขาจะแค่ผ่านมา
แต่...นั้นไม่ได้สำคัญเท่า กับความทรงจำดีดีมากมายในใจ...
แม้ว่ามีใครดีกับฉัน ทุ่มเทยังไงไม่ไหวหวั่น
ใจฉันมั่นคงเพียงเธอคนเดียว
ต่อให้เขาดีกว่ามากมาย
ไม่สำคัญเลย ไม่สนใจ
จะทำยังไง ก็ยังเป็นเธอในใจ...ใจฉันรักเธอคนเดียว


Tu tu lub siab...lub kua muag ntws si laim...
kuv lub siab poob tseej ntshuas
kuv lub cev tsaug zuj zus...
Nco koj luaj no...tsis paub xyov yuav ua zaj twg...
kuv lub siab ntsws puas tsus...
Xav qi muag tuag kiag mus...

Tsis muaj leej twg...Nyeem kuv lub siab
Paub tau hais tias nco koj npaum cas...

ya nrog cua...Tuaj qhia rau koj...Tias kuv nco
Nco koj tiag tiag..


ขอบคุณขุนเขาเช่นกันที่ยังจำ สายลม
แม้ครั้งหนึ่งที่เคยพัดผ่าน


ขอบคุณ.....Cua 






เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม...


เธอเห็นท้องฟ้านั่นไหม ฉันเก็บเอาไว้ให้เธอ
และจะเป็นเช่นนั้นเสมอ
ถนนสายนั้นที่ทอดยาว คือเรื่องราวของความเป็นจริง
มีเงาไม้เอาไว้ให้พักพิง มีให้เธอเอาไว้ยามอ่อนล้า
เธอเห็นท้องฟ้านั้นไหม เห็นเงาของเมฆหรือเปล่า
ทะเลสีครามที่ทอดยาว เห็นความรักฉันบ้างไหม


สำคัญแค่ไหนกับคำว่า "เสียใจ"

เพราะเราไม่สามารถ รักคนที่เขารักเราได้
เราจึงต้องมาเสียใจกับ
คนที่เรารักเขา...
ทั้งๆที่เขาไม่ได้ใสใจใยดีเรา




อยากหยุดเวลา


วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

กลับมาอีกครั้งหนึ่ง...

คืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งที่กำลังติดตาม ละครเรื่องคุณชาย 

คุณชายรัชชานนท์


พอดีในรอบหลายเดือนที่ผ่านมานั้น
ไม่ได้อัพเดท บล๊อกเลย
ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเข้าถึงเวปไม่ได้เลย หลังจากที่ได้กลับมาอัพเดทอีกครั้ง

ชีวิตช่วงหลายๆเดือนที่ผ่านมานั้น ผ่านเรื่องราวมากมาย
เรื่องเศร้า เรื่องดี เรื่องทำให้ปวดหัวคิดมาก





วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2556

การทะลุทะลวงฝ่ายวิญญาณสู่การฟื้นฟู

Intimacy        ใกล้ชิดสนิทสนม
ถ้าคุณไม่เคยออกกำลังกายจนได้เหงื่อ จนร่างกายหลั่งเอนโดฟินออกมาคุณก็จะไม่ติดใจการออกกำลังกาย ถึงแม้จะรู้ว่าออกกำลังกายเป็นประจำนั้นมีผลดีอย่างไรก็ตาม  บางคนต้องจ่ายเงินเป็นหมื่นบาทสมัครสมาชิกฟิตเนสชื่อดังเพื่อบังคับตัวให้ออกกำลังกายเป็นประจำแต่ไปจริงแค่ปีละไม่กี่ครั้งเอง  ชีวิตฝ่ายวิญญาณเรื่องการใกล้ชิดสนิทกับพระเจ้าก็เหมือนกันถ้าคุณไม่เคยสัมผัสกับการที่ได้อยู่ใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเจ้าผู้เป็นที่รักของเรา  ไม่เคยรู้สึกดีๆ อบอุ่นใจ   คุณก็จะไม่เข้าใจว่าการอยู่ใกล้ชิดพระเจ้านั้นยอดเยี่ยม สุขใจเพียงไร   คุณก็จะไม่ติดใจพระองค์ อยากใกล้ชิดพระองค์เรื่อยๆ  อยากใกล้ชิดมากขึ้น   เหมือนชายหญิงที่รักกัน อยากใกล้ชิดกันและกัน  แค่นั่งจับมือกันก็สุขใจแล้ว   ยามรักน้ำต้มผักก็หวาน  เหมือนความรักของยาโคบรักนางราเชลยอมทำงานหนัก 7 ปีเพื่อให้ได้เธอ  พระคัมภีร์บันทึกว่า.”  เห็นเป็นน้อยวันเพราะเขารักเธอ “   ถ้าเรารู้สึกดีๆต่อพระเจ้าของเราแล้ว  การเข้าใกล้พระองค์ก็เป็นเรื่องธรรมชาติ  เป็นเรื่องของหัวใจปรารถนา    พระคริสตธรรมคัมภีร์ก็บอกกับเราเชิงคำสั่งว่า
“ จงเข้าใกล้พระเจ้า  แล้วพระเจ้าจะเข้าใกล้ท่าน  Let us draw near to God , He will draw near to us”
เราเองต้องเข้าหาพระเจ้าก่อน    แล้วอะไรเป็นอุปสรรคที่ทำให้เราไม่เข้าใกล้พระเจ้า  ทั้งที่เราอยากเข้าใกล้พระเจ้า   


3 ปัจจัยที่ทำให้เราไม่เข้าใกล้ชิดพระเจ้า


1.ความคิดจอมปลอม  การโกหกหลอกลวงจากซาตาน    คำโกหกยอดนิยมที่ซาตานใส่เข้ามาในความคิดของคริสเตียนเสมอๆ  คือ  พระเจ้าไม่ได้รักคุณ     พระเจ้าไม่ชอบคุณ    พระเจ้าเกลียดคุณ   พระเจ้ารักคนอื่นมากกว่า   ถ้าเราสะสมคำโกหกนี้ไว้ในความคิด  เราจะมีพฤติกรรมที่ถดถอย  เราจะพยายามทำดี  พยามยามรับใช้ทำให้พระเจ้าพอใจ   เราจะเหนื่อยมากับการทำงานหนัก  รู้สึกทำเท่าไรดูเหมือนว่าเรายังไม่ใช่คนโปรดของพระเจ้า  


2. ขาดประสบการณ์   พบกับพระเจ้า  experience GOD   เราต้องพบกับพระเจ้าด้วยตัวของเราเอง   นอกจากการรับการอธิษฐาน  หรือ รับพันธกิจเพื่อการเยี่ยวยารักษา   เราต้องพบพระเจ้าในชีวิตส่วนตัวของเรา   เวลาอยู่คนเดียว  ที่บ้าน   ที่ทำงาน  ในรถ   แล้วเราจะพบพระเจ้ากี่ครั้งถึงพอ    เราจะใกล้ชิดคนที่เราไม่เคยพบได้อย่างไร  พระเยซูเคยพูดกับฟารีซายว่า  “ท่านทั้งหลายค้นในพระคัมภีร์คิดว่าในนั้นมีชีวิตนิรันดร์  แต่ท่านไม่มาหาเราเพื่อจะจะได้ชีวิต


3.ขาดการเปิดเผยสำแดง Revelation .” ขาดการเปิดเผยสำแดง ว่าพระเจ้า ทรงเสาะหาเรา  พระเจ้าต้องการเรา   พระเจ้าชอบเรา  “  ขาดการเปิดเผยสำแดงว่า  พระเจ้าคือผู้ใด    ถ้าเรารู้จักพระองค์ เราก็จะปรารถนาพระองค์  ไม่มีใครไม่อยากอยู่ใกล้คนที่รักเราฉันใด  ถ้าเรารับการเปิดเผยสำแดงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเราอยากจะเข้าใกล้พระองค์เอง    สุดยอดของการเปิดเผยสำแดงคือการสำแดงให้เรารู้จักพระเจ้าว่าพระองค์ทรงเป็นอย่างไร คิด และรู้สึกต่อเราอย่างไร    .”พระจ้าชอบเรามาก แม้ว่าเราจะไม่เคยทำอะไรที่สมควร.”  พระบิดาบอกพระเยซูว่า “ เจ้าเป็นบุตรที่รักของเรา  เราชอบใจท่านมาก “   ก่อนที่พระเยซูจะรับใช้  พระบิดาประกาศว่า เราเป็นที่โปรดปรานของพระองค์    นี่คือการเปิดเผยสำแดงที่พระองค์อยากให้กับผู้เชื่อ คือ เราคือคนโปรดของพระเจ้าแม้เราไม่เคยทำอะไรให้พระองค์เลย  แม้เราจะไม่รับใช้   เราคือคนโปรด ก่อนที่เราจะรู้เสียอีก   เพียงเสียงเรียกของเรา   เพียงเราเข้ามาหาพระองค์  หัวใจของพระองค์ก็พองโต  หัวใจของพระองค์ก็ยินดี  เพราะพระลักษณะเด่นของพระเจ้านั้นเต็มไปด้วยความยินดี   GOD of Gladness   ทำไม่พระองค์ให้เราเข้าหาพระองค์ก่อน  เพราะพระองค์ต้องการ”ใจสมัคร .” แสดงความเต็มใจในการเลือกพระองค์   แท้จริงแล้วพระองค์ทรงเสาะหาเรา   เหมือนพระองค์ทรงทิ้งฟ้าสวรรค์ ลงมาเป็นบุตรมนุษย์ มาสื่อสาร มาสำแดง ว่าพระองค์ผู้ทรงรักเราเพียงใด  ….


การเปิดเผยสำแดง พระลักษณะของพระเจ้า เชิงสัมพันธภาพ  2  แบบ
พระเจ้าทรงเป็น พระบิดา  God as Father  ที่รัก เอื้ออาธรณ์  ห่วงใย  พระองค์มีสัมพันธภาพแบบพ่อแม่ที่เป็นผู้ให้  ผู้เลี้ยงดู  ไม่ว่าลูก(ผู้เชื่อ)จะเป็นอย่างไรก็รักลูกเสมอ   การเปิดเผยสำแดงนี้เองที่เป็นรากฐานของความเข้าใจเรื่องการบำบัดภายใน   ความรักอันอบอุ่นของพระบิดาเยียวยาเรา  รักษาบาดแผลที่เราได้รับจากพ่อแม่ในวัยเด็กของเรา
พระเจ้าทรงเป็นคนรัก  God as Lover  องค์เจ้าบ่าว  ที่ปรารถนาสัมพันธภาพที่ลึกซึ้งห่วงหาอาธรณ์   เป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ไม่ยอมให้เราเป็นของพระอื่นหรือสิ่งอื่น    รักเราทั้งที่เราไม่นารัก   จำความผิดเราไม่ได้   ทั้งรักทั้งผูกพัน  พระคัมภีร์ให้ความคิดของการ “ เทียมแอก “ “ร่วมครอบครอง”  พระเยซูไม่ต้องการแค่ไถ่เรา  ยกโทษบาปให้เราเท่านั้น  พระองค์ต้องการสร้างเราให้เป็น เจ้าสาวที่คู่ควรที่จะครอบครองร่วมกับพระองค์  เพราะเราจะได้ครอบครองโลกกับพระองค์อย่างบริบูรณ์จริงๆในยุคพันปี    พระองค์จึงใช้เวลาเตรียมเจ้าสาวของพระองค์ให้พร้อม   ให้รักพระองค์ด้วยใจสมัคร

จากปฐมกาลบทที่1 ..2  พระเจ้าทรงสร้างโลกนี้อย่างงดงาม  สมบูรณ์แบบ  แผ่นดิน ท้องทะเล  ท้องฟ้า  ต้นไม้ ธรรมชาติงดงาม  สัตว์นานาพันธ์  อาหารบริบูรณ์  ไม่มีมลภาวะ  ไม่มีความขาดแคน  มีความสุข  อาดัมคุยกับพระเจ้าในสวน  อาดัมปกครองแผ่นดินโลกและสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก  แต่ในท่ามกลางความสมบูรณ์แบบนั้นเอง อาดัมและเอวาได้เลือกปฎิเสธพระเจ้าด้วยการกินผลไม้ที่พระเจ้าห้าม  วันนั้นที่อาดัมได้กินผลไม้ แน่นอนพระเจ้าทรงเห็น  และพระองค์รู้แล้วว่าวันหนึ่งพระองค์จะมีคนที่จะเลือกพระองค์ไม่ว่าสถานการณ์รอบข้างจะเป็นอย่างไร    พระเจ้าไม่ไช่แค่เตรียมแผนการไถ่ให้เรารอดจากบาปและผลของบาปเท่านั้นพระองค์ พระองค์ต้องการสร้างมนุษย์ใหม่ที่เต็มไปด้วยสิทธิอำนาจ เป็นเจ้าสาวที่รู้ใจเจ้าบ่าว  เป็นคนที่ได้รับการไถ่ที่ไม่ใช่แค่รอดจากบาปแต่รู้ใจพระเจ้า  รักพระเจ้า และเลือกพระองค์เสมอ   พระเจ้ากำลังพามนุษย์มุ่งไปสู่จุดหมายปลายทาง  ปลายทางของประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติ ปรากฏในหนังสือ วิวรณ์บทที่ 19  คือ งานมงคลสมรสของพระเมษโปดก    ( แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนกษัตริย์องค์หนึ่ง เตรียมงานมงคลสมรสให้บุตรของพระองค์  มัดธาย 24)    เราผู้ที่พระเจ้าไถ่ไว้ กำลังเดินทางสู่งานมงคลสมรสที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้   ขณะนี้พระองค์กำลังเตรียมเจ้าสาวของพระองค์ให้คู่ควร  ให้ครอบครอง เคียงคู่กับพระองค์  มั่นใจในความรักของพระเจ้าเสมอในทุกสถานการณ์ของชีวิต  ในยามทุกข์  ในยามสุข  ในความมั่งคั่ง และ ยากจน   และในท้ายสุดของหนังสือวิวรณ์บอกว่า  .” พระวิญญาณ และ เจ้าสาว  บอกว่า เชิญมาเถิด “  วันหนึ่งเจ้าสาวและพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นหนึ่งเดียวกัน ร้องเชิญพระเยซู  “ เชิญมาเถิด”  …….

ให้เรามาพิจารณารายละเอียด ในบทเพลงโซโลมอน  ที่เป็นหนังสือที่จะช่วยให้เราเข้าใจพระเจ้าอย่างที่พระเจ้าเป็น   รายละเอียดในหนังสือนี้ จะเปิดเผยให้เรารู้จัก อารมณ์ความรู้สึกของพระเจ้า  ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน    
การใกล้ชิดสนิทสนมพระเจ้า  เป็นการเดินทางที่พัฒนาได้ด้วยการเปิดเผยสำแดงของพระวิญญาณบริสุทธิ์  ที่ต้องสะสม  เพิ่มพูนด้วยประสบการณ์พบพระเยซูมากขึ้นๆ   พระเจ้าจะพาเราเดินผ่านวิกฤตการณ์ของชีวิต ทั้งความรู้สึกลบที่มีต่อตัวเอง   อัตลักษณ์ที่ผิดๆ  มองตัวเองด้วยความคิดของโลกนี้  เช่นค่าของเราอยู่ที่การรับใช้ อยู่ที่ผลงาน ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน  พระเจ้าพาเราผ่านวิกฤติการณ์ของชีวิต  ขณะที่พระเจ้ากำลังเขย่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเรา  ทุกอย่างรอบตัวเราสั่นไหว  แต่ พระเจ้าจะพาเราเข้าไปสู่ที่ที่ไม่สั่นไหว  ที่ที่มั่นคง ในความรักอันมั่นคงของพระองค์     พระเจ้าจะพัฒนาชีวิตการนมัสการภายในของเรา    เมื่อเราพบพระองค์ลึกซึ้งมากขึ้น  การนมัสการของเราถูกปลุกเร้าจากการที่เราได้พบพระองค์  ด้วยการเปิดเผยสำแดง  เราเห็นพระองค์  เราจะรู้สึกว่าพระองค์ยอดเยี่ยม  ประเสริฐ  ล้ำเลิศ    เหมือน “   พระองค์ทรงล้ำเลิศเหนือ หมื่นๆคน   ที่รักของฉัน  เขาเป็นเอกในท่ามกลางหมื่นๆคน …   (ซลม  5:10)    
พระเจ้ามองดูเจ้าสาวของพระองค์   ไม่ว่าตอนนี้จะอ่อนแอ   ไม่บริสุทธ์  ยังไม่งดงามเพียงใด   พระองค์มองเราไปที่อนาคตข้างหน้า  “  ที่รักของฉันเอ๋ย  ….. แม่เป็นสง่าน่าคร้ามเกรงดุจกองทัพมีธงประจำ…..”( ซลม 5:4  )      
พระเจ้าทรงมุ่งมั่น ทุ่มเทที่จะตกแต่งให้เจ้าสาวของพระองค์ งดงาม  ครอบครอง  คู่ควรกับองค์เจ้าบ่าว   เราไม่ยืนอยู่บนความมุ่งมั่นของเราแต่บนความมุ่งมั่นของพระองค์ผู้เป็นที่รักยิ่ง และจะไม่ปล่อยเราไปตามยถากรรม  เพียงแต่  ให้เราเข้าใกล้พระเจ้า……………..แล้วพระองค์จะเข้าใกล้ท่าน   แน่นอน พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่อยู่ใกล้  ไม่ใช่พระเจ้าที่อยู่ไกล    พระเจ้าคิดถึงท่าน  คิดถึงมากกกกกกกกกกก พระเจ้าทรงเสาะหาเรา……แม้เราไม่เคยคิดที่จะแสวงหาพระองค์   เมื่อเราพบพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า เราก็จะคิดถึงพระองค์  “ เหมือน ดาวิด บอกว่า คร่ำครวญคิดถึงพระเจ้า แม้บนที่นอน ……..สดด   )

พระคัมภีร์ได้ให้ความเข้าใจเรื่อง ใกล้ชิดสนิทสนมในหลายตอนทั้งพระคัมภีร์เดิมและใหม่  ในหนังสือโฮเชยาพระเจ้าทรงใช้โฮเชยาไปรับหญิงที่นอกใจเขาให้กลับมาเป็นภรรยา เพื่อสอนใจคนอิสราเอลว่าแม้เขานอกใจพระยาเวห์พระองค์ก็ทรงรักเขา     หนังสือบทเพลงโซโลมอนเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่บรรยายว่าพระเจ้าปรารถนาให้เรามีความสัมพันธ์กับพระองค์เหมือนคนรัก  เหมือนกษัตริย์โซโลมอนรักหญิงชาวชูเนม  ที่ได้บรรยายถึงความรู้สึกของเจ้าบ่าวที่มีต่อเจ้าสาวที่จะเปลี่ยนความคิดของเราไปเลย ว่า นี่คือความคิด  ความรู้สึกของพระเจ้าที่มีต่อเราจริงๆนะเนี่ย!  

การเริ่มต้นของบทเพลงรักนี้คือการเปิดเผยสำแดง ( ขอจุมพิตฉัน…..การแตะต้องสัมผัสของพระวิญญาณบริสุทธิ์ )   สัมผัสแรกจากพระวิญญาณทำให้รู้รสความรักของพระเจ้า   (ซลม 1:2) 
2ขอเขาจุบดิฉัน     ด้วยจุบจากปากของเขา   เพราะว่าความรักของเธอดีกว่าเหล้าองุ่น
บทเพลงโซโลมอนให้ความเข้าใจว่า นี่คือวิถีชีวิต  วิถีแห่งปัญญา ทีนำสู่ชีวิตที่ใกล้ชิดสนิทสนมที่เต็มไปด้วยสิทธิอำนาจ ( A path of wisdom to authoritative Intimacy)  ที่ไม่ได้เกิดขึ้นข้ามคืนแต่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผู้เชื่อ/เจ้าสาวได้พบกับพระเจ้าของเธอ     แม้เมื่อเธอเริ่มพบกับวิกฤตกาลในชีวิตครั้งแรก  “ถึงฉันจะดำ  ก็ดำขำ”  ปัญหาที่ผู้เชื่อ/เจ้าสาวรู้สึกว่าตัวเองบกพร่อง  ไม่งามหมดจด  ตัวดำ  ไม่สวย   ปัญหาใหญ่เมื่อเรามองดูตัวเองด้วยสายตาของมนุษย์เราจะไม่ชอบตัวเราเลย  แต่เมื่อพบกับพระองค์ผู้เป็นองค์เจ้าบ่าวของเราแล้วพระองค์ทรงบอกว่าเรางดงาม   เรางาม  และด้วยสายตาที่พระองค์มองดูเรา  เราเชื่อ  เราก็เข้าหา  เข้าใกล้พระเจ้าได้โดยไม่ต้องงามก่อน  พระองค์ทรงรักเราทั้งที่เราดำ  มีตำหนิ  อ่อนแอ   ขี้ท้อใจ  ซึมเศร้าง่าย  พระองค์ทรงรักเจ้าสาวคนนี้แหละ  ด้วยความรักนี้พระองค์ทรงพาเราไปที่งานเลี้ยงเฉลิมฉลอง  ( ซลม2 )  พาเราให้ดื่มด่ำในความรักของพระองค์   สัมผัสในความรักของพระเจ้าเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ  การที่จะรู้สึกว่ามีใครสักคนรักเรา  รักเรา  ช่างเป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตได้วิเศษอะไรเช่นนี้   เรารู้สึกว่าเรามีคุณค่า   เรามั่นใจในความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรา  ยิ่งได้ใช้เวลาอยู่กับพระองค์ก็ได้รู้จักพระองค์มากขึ้น ดังคำที่เขียนไว้ว่าได้ลิ้มรสหวาน… (ซลม 2:2-3)
ดอกพลับพลึงท่ามกลางต้นกระชับนั้นอย่างไร   ที่รักของฉันก็อยู่เด่นในท่ามกลางสาวอื่นๆอย่างนั้น   
ต้นท้อขึ้นอยู่กลางต้นไม้ป่าอย่างไร   ที่รักของดิฉันก็อยู่ท่ามกลางชายหนุ่มอื่นๆอย่างนั้น   
ดิฉันอยากนั่งอยู่ใต้ร่มของเขา   และผลของเขา  ดิฉันได้ลิ้มรสหวาน    
องค์เจ้าวบ่าวของเราอยากให้เรารู้จักกับความรักของพระองค์มากขึ้น พระองค์ทรงพาเราออกไปยังที่ที่เราไม่คุ้นเคย (out of comfort zone)   ในบทที่สาม  เมื่อเจ้าสาวได้พรัดพรากจากเจ้าบ่าวอันเป็นที่รัก   เดินสู่ สงครามฝ่ายวิญญาณในบทที่ สี่   และเดินสู่คำคืนที่มืดมิดและยาวนาน  องค์เจ้าบ่าวพาเจ้าสาวสู่ช่วงเวลาที่เจ็บปวดดูเหมือนไม่มีทางออก  (dark night of soul) และในที่สุด เจ้าสาวก็ออกมาจากถิ่นทุรกันดาร  ผ่านศึกสงครามอย่างมีชัยชนะ  (ซลม 6:4,10) 4ที่รักของฉันเอ๋ย  แม่ช่างสวยงามประหนึ่งเมืองทีรซาห์   และงามเย็นตาดังเยรูซาเล็ม   แม่เป็นสง่าน่าคร้ามเกรงดังกองทัพ    5ขอเบือนเนตรไปจากฉันเถอะ   
เพราะว่าฉันแพ้นัยน์ตาของเธอแล้ว   …..10“แม่สาวคนนี้เป็นผู้ใดหนอ  เมื่อมองลงก็ดังอรุโณทัย   
แจ่มจรัสดังดวงจันทร์  กระจ่างจ้าดังดวงสุริยัน   สง่าน่าเกรงขามดังกองทัพมีธงประจำ   การเดินกับองค์เจ้าบ่าวผ่านร้อนผ่านหนาวทำให้เธองดงามเข้มแข็ง  และเจ้าสาวพูดอย่างมั่นใจ  7:10 ว่า ตัวดิฉันเป็นกรรมสิทธิ์ของที่รักของดิฉัน   และความปรารถนาของเขาก็เจาะจงเอาตัวดิฉัน   
เจ้าสาวเดินใกล้ชิดกับองค์เจ้าบ่าว เธอมีชัยชนะดุจกองทัพที่ผ่านศึกสงคราม เดินออกมาจากถิ่นทุรกันดารอิงแอบแนบพระองค์ผู้เป็นที่รักยิ่ง   เพราะความรักมากมายที่เธอได้รับเธอไม่กลัวอนาคตอีกต่อไป  ดัง ซลม 8:5-10
แม่คนนี้ที่ขึ้นมาจากถิ่นทุรกันดาร    อิงแอบแนบมากับคู่รัก   คือใครที่ไหนหนอ   
ดิฉันได้ปลุกเธอเมื่อเธออยู่ใต้ต้นท้อ   ที่นั่นแหละที่มารดาของเธอได้ปวดร้าวเพราะเธอ   
ที่ตรงนั้นแหละผู้ที่คลอดเธอได้เจ็บครรภ์   
จงแนบดิฉันไว้ให้เป็นเนื้อเดียว   ดุจดวงตราแขวนอยู่ที่ใจของเธอ   ประดุจดวงตราบนแขนของเธอ   
เพราะความรักนั้นเข้มแข็งอย่างความตาย   ความรักรุนแรงก็ดุเดือดเหมือนแดนคนตาย   
และประกายแห่งความรักรุนแรงนั้นก็คือประกายเพลิง   คือประกายเพลิงที่แสนรุนแรง   
7น้ำมากหลายไม่อาจดับความรักให้มอดเสียได้   หรืออุทกธารทั้งหลายไม่อาจท่วมความรักให้สำลัก ตายเสียได้   แม้ว่าคนใดจะเอาทรัพย์สมบัติในเหย้าเรือนของตนทั้งสิ้น   มาแลกกับความรักนั้น   
คนนั้นคงได้รับความหมิ่นประมาทจากคน ทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง   
บทเพลงโซโลมอนช่วยให้เราอยู่ใกล้พระเจ้า  สนิทสนมกับพระองค์  เดินกับพระองค์ด้วยความมั่นใจในความรักของพระองค์  ไว้วางใจในการนำของพระองค์  พระองค์จะสอนเราให้ทำสงครามด้วยสิทธิอำนาจ  ให้เราเป็นเจ้าสาวที่คู่ควรเทียมแอกกับพระองค์  ที่ความรัก  ไฟรักร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ 

บทเพลงโซโลมอน  คล้ายกับ คำอธิษฐานของพระเยซู ( ยฮ 17 : 24-26   ) “อยู่ในที่พระเยซูอยู่…………ให้ความรักที่พระบิดารักพระเยซูอยู่ในผู้เชื่อ  ……….”   ถ้าเพียงแต่เราได้อยู่กับพระองค์เราก็จะซาบซึ้งในความรักของพระองค์ที่มีต่อเรา  ดังคำอธิษฐานของ อ.เปาโลเพื่อคริสตจักรเอเฟซัสให้ซาบซึ้งในความรักของพระเจ้า… เพื่อเราจะรับความไพบูลย์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม  ( อฟซ 3)    หนุนใจให้เราใช้พระคัมภีร์นี้มาอธิษฐานในชีวิตประจำวัน โดยเริ่มจาก อฟซ 1 :17..ขอการเปิดเผยสำแดง ……….