วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

แบ่งปันพระเมตตากรุณาของพระเจ้าต่อโลกนี้

ให้เรานึกถึงสวรรค์…เพราะสิ่งเดียวที่เราจะสามารถนําไปด้วยได้นั้น มีเพียงผู้คนที่เรานํามาถึงพระคริสต์และน้องเลี้ยงของเรา
ในปัจจุบันคนในวัฒนธรรมของเรามักจะชอบกล่าวว่า “ฉันไม่อยากสุงสิงกับคนบางประเภทเพราะวิถีชีวิตของเขา” แต่นั่นไม่ใช่สิ่งพระเยซูคริสต์ทรงกระทํา (ลูกา 15.1-2)

                                                            

มีความปีติยินดียิ่งในสวรรค์สําหรับคนเพียงคนเดียวกลับใจใหม่ ถ้าเราออกไปประกาศพระกิตติคุณแก่คนที่ยังไม่เคยได้ยินได้เรื่องราวข่าวประเสริฐ คนที่ปรารถนาจะได้ยินว่ามีคนพร้อมที่จะอภัยให้แก่เขา และเราจะได้ยินดีเหมือนเหล่าทูตสวรรค์นั้น ลองคิดถึงเรื่องสวรรค์ดูให้ดี ทั้งทรัพย์สินเงินทอง บ้านหรือรถยนต์ เราก็ไม่สามารถนําไปด้วยได้ มีแต่คนที่เรานํามารู้จักกับพระเยซูคริสต์และเหล่าน้องเลี้ยงของเราเท่านั้นที่ เราสามารถพาไปด้วยได้ อัครฑูตเปาโลเขียนในพระธรรม 1 เธสะโลนิกา 2.19-20 “เพราะ​อะไร​เล่า​จะ​เป็น​ความ​หวัง​หรือ​ความ​ชื่น‍ชม​ยินดี หรือ​สิ่ง​ภูมิ‍ใจ จํา‌เพาะ​ พระ‍พักตร์​พระ‍เยซู‍คริสต‌เจ้า เมื่อ​พระ‍องค์​จะ​เสด็จ​มา ก็​มิ​ใช่​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​ ดอก​หรือ เพราะ‍ว่า​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​เป็น​ศักดิ์‍ศรี​และ​ความ​ชื่น‍ชม​ยินดี​ของ​เรา” อัครฑูตเปาโลกล่าวว่าคนเหล่านั้นเป็นรางวัลของท่าน เพราะว่าเมื่อท่านได้ไปสวรรค์แล้วท่านก็จะร่วมเกษมสําราญกับคนเหล่านั้น ที่นั่น เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่เราคิดถึงและจดจ่อให้มาก เช่นเดียวกันกับที่อัครฑูตเปาโลกล่าว 1 ทิโมธี 2.1 “เหตุ​ฉะนั้น​ก่อน​สิ่ง​อื่น​ใด ข้าพ‌เจ้า​ขอ​ร้อง​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​ให้​วิง‍วอน​อธิษ‌ฐาน​ทูล​ขอ และ​ ขอบ‍พระ‍คุณ​เพื่อ​คน​ทั้ง‍ปวง”
จงระลึกถึงผู้คนที่ยังไม่เคยรู้จักกับพระเจ้า อธิษฐานเพื่อเขาและร้องทูลต่อพระเจ้าให้พระเมตตาคุณของพระองค์หลั่งไหลลงมาปกคลุมคนเหล่านั้นไว้และอธิษฐานทูลขอโอกาสที่จะได้เล่าเรื่องข่าวประเสริฐแก่เขา จงอธิษฐานเพื่อคนทางตะวันออกที่เผชิญสถานการณ์ความไม่สงบและความวุ่นวายมากมาย อธิษฐานถึงพระเจ้าที่คนเหล่านั้นจะได้พบกับองค์สันติราช พระเจ้าของเรา ที่พระองค์จะทรงปรากฏแก่เขาด้วยนิมิตและด้วยความฝันและเขาจะได้พบกับพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ด้วยเราร่วมกัน เราจะอธิษฐานเพื่อคนเป็นล้านล้านคนในโลกนี้ที่จะมารู้จักกับพระเยซูคริสต์ในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดของเขา ผู้ที่พระเจ้าส่งมาเพื่ออภัยความบาปทั้งสิ้นของพวกเขา
GBU

การตัดสินใจที่สําคัญมากในชีวิต

“เราเป็นผู้กําหนดชีวิตของเราเอง” เราเคยได้ยินประโยคนี้บ่อย ๆ ใช่ไหม แต่ว่ามีอะไรที่มากกว่าสติปัญญาอันล้ําลึกจากประโยคนี้ อันดับแรกก็คือว่าประโยคนี้กําลังบอกเราว่าชีวิตนั้นมีหลายทางเลือกให้ต้องตัดสินใจ เราต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินใจหรือต้องเลือกอะไรบางอย่างทุกวัน บางทีเราก็ตัดสินใจจากประสบการณ์ส่วนตัวหรือจากความช่วยเหลือของคนอื่น แต่เราก็มีเรื่องให้ตัดสินใจทุก ๆ วัน บางเรื่องอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ใหญ่โต บางเรื่องก็เล็กน้อย บางเรื่องก็ไม่สลักสําคัญอะไรแต่บางเรื่องก็ยิ่งใหญ่ยิ่งยวด กระนั้นการตัดสินบางเรื่องก็เหมือนเรื่องไกลตัวบางเรื่องใกล้ตัวและเป็นเรื่องส่วนตัวจริง ๆ
อันดับต่อมา ประโยคนี้กําลังกล่าวกับเราว่าเราจําเป็นต้องรับผิดชอบกับทุก ๆ การตัดสินใจของเราเอง ไม่ว่าการตัดสินใจนั้นจะสําคัญมากเพียงใดก็ตาม การตัดสินใจทุกการตัดสินใจมีผลกระทบต่อชีวิตของเราเสมอ ตัวอย่างเช่น หากเราเลือกที่จะรับประทานขนมหวานและช็อคโกแล็ตเป็นเวลานาน อย่างน้อยสิ่งที่ได้รับผลกระทบอันดับแรกคือการมีฟันผุ หรือผลกระทบร้ายแรง เช่น ความดันโลหิตสูง หรือน้ําตาลในเลือดสูง เราไม่สามารถโทษใครได้ถึงการตัดสินใจที่เราได้เลือกทําลงไป ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ไม่ค่อยฉลาดมากนัก
ในทํานองเดียวกัน เรื่องนี้ก็คล้องจองกับการเลือกและตัดสินใจที่จะติดตามและรับใช้พระเยซูคริสต์เจ้าของเราหรือไม่ พระเยซูคริสต์พระบุตรพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ บางที ชีวิตของโยชูวาผู้นําของชนชาติอิสราเอลในยุคแรก ๆ ในฐานะชนชาติที่พระเจ้าทรงเลือกสรร อาจจะจุดประกายเราทั้งหลายได้เป็นอย่างดีในเรื่องของการรรับใช้ โยชูวาผู้บังคับบัญชาสูงสุดแห่งพลโยธาของพระเจ้า ท่านได้เขียนไว้ในพระธรรมโยชูวา 24.15 ท่านท้าทายชนชาติชาวอิสราเอลพูดว่า “และ​ถ้า​ท่าน​ไม่​เต็ม​ใจ​ที่​จะ​ปรนนิบัติ​พระ​เจ้า ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​เลือก​เสีย​ใน​วันนี้​ว่า​ท่าน​จะ​ปรนนิบัติ​ผู้ใด จะ​ปรนนิบัติ​พระ​ซึ่ง​บรรพ​บุรุษ​ของ​ท่าน​ปรนนิบัติ​อยู่​ใน​ท้องถิ่น​ฟาก​ ตะวันออก​ของ​แม่น้ํา​ยู​เฟร​ติส หรือ​ของ​คน​อาโมไรต์​ใน​แผ่นดิน​ซึ่ง​ท่าน​ อาศัย​อยู่ แต่​ส่วน​ข้าพเจ้า​และ​ครอบครัว​ของ​ข้าพเจ้า เรา​จะ​ปรนนิบัติ​พระ​เจ้า”
โยชูวารู้ดีว่าชนชาตอิสราเอลนั้นเป็นชนชาติที่หัวรั้นและดื้อดึงเพียงใด ดังนั้นเมื่อมาถึงช่วงสุดท้ายของหน้าที่การงานของท่าน ท่านได้เสนอให้คนอิสราเอลตัดสินใจว่าเขาจะเลือกพระองค์ใด และเขาจะรับใช้พระ องค์ใดกันแน่ และท่านลงท้ายคําว่า “แต่” ซึ่งเป็นคําที่เน้นย้ําให้ประชาชนได้ยินอย่างชัดเจน ว่าท่านและครอบครัวของท่านจะรับใช้พระเจ้าและสัตย์ซื่อกับพระองค์ในความจงรักภักดีต่อพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์เป็นนิตย์ นี่คือสิ่งที่ผมเรียกว่า “การตัดสินใจที่สําคัญมากในชีวิต”
พระเยซูคริสต์เจ้าของเราตรัสว่า “แต่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​แสวงหา​ แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า และ​ความ​ชอบธรรม​ของ​พระ​องค์​ก่อน แล้ว​พระ​องค์​จะ​ทรง​เพิ่ม​เติม​สิ่ง​ทั้ง​ปวง​เหล่า​นี้​ให้” มัทธิว 6.33 พระองค์ทรงรู้จักเราเป็นอย่างดี และพระองค์ทรงเห็นแล้วว่าเราต้องต่อสู้กับการตัดสินใจมากมายในแต่ละวันอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเสื้อผ้าที่จะนุ่งห่ม อาหารที่จะรับประทาน เราจะพูดคุยกับใครได้ในเรื่องที่กําลังกังวลอยู่ เราจะจ่ายตลาดที่ไหน และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ว่าชีวิตไม่ได้มีแต่เรื่องของการ กิน ดื่ม รื่นเริง และพักผ่อนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เราก็ยังคงมองหาสิ่งที่เรารู้สึกว่ามันขาดหายไปในชีวิตของเราอยู่ดี และในช่วงเวลาที่เรากําลังสับสนและมองหาทางออกพระองค์จะทรงเปิดตาใจเราทั้งหลายให้ได้เห็น
และพระองค์ผู้ให้คําปรึกษาจะให้เรารู้แจ้งว่าสิ่งใดสําคัญที่สุดในชีวิตของเรา อีกครั้งหนึ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงให้เราทั้งหลายรู้ว่าเราต้องให้พระเจ้ามาเป็นอันดับหนึ่งในชีวิตของเราก่อนและดําเนินชีวิตตามครรลองและความชอบธรรมของพระองค์ หากเรากระทําเช่นนี้แล้วพระองค์ก็ทรงสัญญากับเราว่าพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งจําเป็นที่เรายังขาดอยู่ให้ นี่เป็นสาเหตุที่พระคริสต์ทรงตรัสกับสาวกของพระองค์ว่า เรา​เป็น​เถา​องุ่น ท่าน​ทั้ง​หลาย​เป็น​แขนง ผู้​ที่​เข้า​สนิท​อยู่​ใน​เรา​และ​เรา​เข้า​สนิท​อยู่​ใน​เขา ผู้​นั้น​ก็​จะ​เกิดผล​มาก เพราะ​ถ้า​แยก​จาก​เรา​แล้ว​ท่าน​จะ​ทํา​สิ่ง​ใด​ไม่ได้​เลย​ ยอห์น 15.5 พระวจนะของพระองค์ชัดเจนว่าหากเราไม่ติดสนิทกับพระองค์ หมายความว่าถ้าเราเลือกที่จะไม่มีสัมพันธ์อันสนิทสนมกับพระองค์ ชีวิตของเราก็จะไม่เกิดประโยชน์อันใด แต่หากเราเลือกที่จะติดสนิทกับพระองค์ เชื่อฟังพระวจนะของพระองค์และรับใช้พระองค์ เราจะประสบกับการเกิดผลอย่างมากมายและมีชีวิตอันบริบูรณ์ละมีความหมายหากนี่เป็นสิ่งที่ท่านต้องการให้เกิดกับชีวิตของท่าน ที่จะดําเนินชีวิตอันเกิดผลร้อยเท่าพันทวีและมีชีวิตอันครบบริบูรณ์และมีความหมายซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนก็หมายอยากจะมีชีวิตดังกล่าวเรามีข่าวดีมาบอกว่าท่านสามารถประสบกับชีวิตเช่นนั้นได้ผ่านทางพระเยซูคริสต์ เช่นเดียวกับโยชูวาและชนชาติอิสราเอลผู้ซึ่งเลือกที่จะติดตามพระเจ้าและรับใช้พระองค์ เราเองก็สามารถเลือกที่จะแสวงหาพระเจ้าได้เช่นเดียวกัน และเราเลือกที่จะติดตามและรับใช้พระองค์ได้ด้วยพระเจ้าสัญญาว่าพระองค์จะส่งพระพรนานาประการลงมาท่ามกลางชีวิตของเราหากเราเลือกที่จะแสวงหาพระองค์ก่อน พระองค์ทรงรักเรา และเราจะประกับการอัศจรรย์ใจในประสบการณ์ชีวิตที่ดํารงอยู่ในพระคริสต์

วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

My Moon



The Eagle and the Kite

AN EAGLE, overwhelmed with sorrow, sat upon the branches of a tree in company with a Kite. “Why,” said the Kite, “do I see you with such a rueful look?’ “I seek,” she replied, “a mate suitable for me, and am not able to find one.” “Take me,” returned the Kite, “I am much stronger than you are.” “Why, are you able to secure the means of living by your plunder?’ “Well, I have often caught and carried away an ostrich in my talons.” The Eagle, persuaded by these words, accepted him as her mate. Shortly after the nuptials, the Eagle said, “Fly off and bring me back the ostrich you promised me.” The Kite, soaring aloft into the air, brought back the shabbiest possible mouse, stinking from the length of time it had lain about the fields. “Is this,” said the Eagle, “the faithful fulfillment of your promise to me?’ The Kite replied, “That I might attain your royal hand, there is nothing that I would not have promised, however much I knew that I must fail in the performance.”

“Promises of a suitor must be taken with caution.”





(The Bald Man and the Fly)

There was once a Bald Man who sat down after work on a hot summer’s day.
A Fly came up and kept buzzing about his bald, and stinging him from time to time.
The Man aimed a blow at his little enemy, but back palm came on his head instead; again the Fly tormented him, but this time the Man was wiser and said: ”You will only injure yourself if you take notice of despicable enemies” 



The Brightness of the Sun


“When one door closes another door opens, but we so often

look so long and so regretfully upon the closed door,
that we do not see the ones which open for us.


It can be said thatno one prefers a life in darkness to a life with a bright future. Sometimes it is unavoidable that darkness comes into our lives, however,

we know that when tomorrow comes, all darkness will disappear.
With the presence of daylight,
we will gain hope and courage.
The light of the day will make things appear more vividly to us,
so we are not frightened by what we cannot see.
We can make the sun rise at night as well.
Just focus the mind at the center of our body
until the light glows within.
When this inner sun rises at the center of our body,
we will feel even happier than when we see the sun of the day.