วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2556

การทะลุทะลวงฝ่ายวิญญาณสู่การฟื้นฟู

Intimacy        ใกล้ชิดสนิทสนม
ถ้าคุณไม่เคยออกกำลังกายจนได้เหงื่อ จนร่างกายหลั่งเอนโดฟินออกมาคุณก็จะไม่ติดใจการออกกำลังกาย ถึงแม้จะรู้ว่าออกกำลังกายเป็นประจำนั้นมีผลดีอย่างไรก็ตาม  บางคนต้องจ่ายเงินเป็นหมื่นบาทสมัครสมาชิกฟิตเนสชื่อดังเพื่อบังคับตัวให้ออกกำลังกายเป็นประจำแต่ไปจริงแค่ปีละไม่กี่ครั้งเอง  ชีวิตฝ่ายวิญญาณเรื่องการใกล้ชิดสนิทกับพระเจ้าก็เหมือนกันถ้าคุณไม่เคยสัมผัสกับการที่ได้อยู่ใกล้ชิดสนิทสนมกับพระเจ้าผู้เป็นที่รักของเรา  ไม่เคยรู้สึกดีๆ อบอุ่นใจ   คุณก็จะไม่เข้าใจว่าการอยู่ใกล้ชิดพระเจ้านั้นยอดเยี่ยม สุขใจเพียงไร   คุณก็จะไม่ติดใจพระองค์ อยากใกล้ชิดพระองค์เรื่อยๆ  อยากใกล้ชิดมากขึ้น   เหมือนชายหญิงที่รักกัน อยากใกล้ชิดกันและกัน  แค่นั่งจับมือกันก็สุขใจแล้ว   ยามรักน้ำต้มผักก็หวาน  เหมือนความรักของยาโคบรักนางราเชลยอมทำงานหนัก 7 ปีเพื่อให้ได้เธอ  พระคัมภีร์บันทึกว่า.”  เห็นเป็นน้อยวันเพราะเขารักเธอ “   ถ้าเรารู้สึกดีๆต่อพระเจ้าของเราแล้ว  การเข้าใกล้พระองค์ก็เป็นเรื่องธรรมชาติ  เป็นเรื่องของหัวใจปรารถนา    พระคริสตธรรมคัมภีร์ก็บอกกับเราเชิงคำสั่งว่า
“ จงเข้าใกล้พระเจ้า  แล้วพระเจ้าจะเข้าใกล้ท่าน  Let us draw near to God , He will draw near to us”
เราเองต้องเข้าหาพระเจ้าก่อน    แล้วอะไรเป็นอุปสรรคที่ทำให้เราไม่เข้าใกล้พระเจ้า  ทั้งที่เราอยากเข้าใกล้พระเจ้า   


3 ปัจจัยที่ทำให้เราไม่เข้าใกล้ชิดพระเจ้า


1.ความคิดจอมปลอม  การโกหกหลอกลวงจากซาตาน    คำโกหกยอดนิยมที่ซาตานใส่เข้ามาในความคิดของคริสเตียนเสมอๆ  คือ  พระเจ้าไม่ได้รักคุณ     พระเจ้าไม่ชอบคุณ    พระเจ้าเกลียดคุณ   พระเจ้ารักคนอื่นมากกว่า   ถ้าเราสะสมคำโกหกนี้ไว้ในความคิด  เราจะมีพฤติกรรมที่ถดถอย  เราจะพยายามทำดี  พยามยามรับใช้ทำให้พระเจ้าพอใจ   เราจะเหนื่อยมากับการทำงานหนัก  รู้สึกทำเท่าไรดูเหมือนว่าเรายังไม่ใช่คนโปรดของพระเจ้า  


2. ขาดประสบการณ์   พบกับพระเจ้า  experience GOD   เราต้องพบกับพระเจ้าด้วยตัวของเราเอง   นอกจากการรับการอธิษฐาน  หรือ รับพันธกิจเพื่อการเยี่ยวยารักษา   เราต้องพบพระเจ้าในชีวิตส่วนตัวของเรา   เวลาอยู่คนเดียว  ที่บ้าน   ที่ทำงาน  ในรถ   แล้วเราจะพบพระเจ้ากี่ครั้งถึงพอ    เราจะใกล้ชิดคนที่เราไม่เคยพบได้อย่างไร  พระเยซูเคยพูดกับฟารีซายว่า  “ท่านทั้งหลายค้นในพระคัมภีร์คิดว่าในนั้นมีชีวิตนิรันดร์  แต่ท่านไม่มาหาเราเพื่อจะจะได้ชีวิต


3.ขาดการเปิดเผยสำแดง Revelation .” ขาดการเปิดเผยสำแดง ว่าพระเจ้า ทรงเสาะหาเรา  พระเจ้าต้องการเรา   พระเจ้าชอบเรา  “  ขาดการเปิดเผยสำแดงว่า  พระเจ้าคือผู้ใด    ถ้าเรารู้จักพระองค์ เราก็จะปรารถนาพระองค์  ไม่มีใครไม่อยากอยู่ใกล้คนที่รักเราฉันใด  ถ้าเรารับการเปิดเผยสำแดงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเราอยากจะเข้าใกล้พระองค์เอง    สุดยอดของการเปิดเผยสำแดงคือการสำแดงให้เรารู้จักพระเจ้าว่าพระองค์ทรงเป็นอย่างไร คิด และรู้สึกต่อเราอย่างไร    .”พระจ้าชอบเรามาก แม้ว่าเราจะไม่เคยทำอะไรที่สมควร.”  พระบิดาบอกพระเยซูว่า “ เจ้าเป็นบุตรที่รักของเรา  เราชอบใจท่านมาก “   ก่อนที่พระเยซูจะรับใช้  พระบิดาประกาศว่า เราเป็นที่โปรดปรานของพระองค์    นี่คือการเปิดเผยสำแดงที่พระองค์อยากให้กับผู้เชื่อ คือ เราคือคนโปรดของพระเจ้าแม้เราไม่เคยทำอะไรให้พระองค์เลย  แม้เราจะไม่รับใช้   เราคือคนโปรด ก่อนที่เราจะรู้เสียอีก   เพียงเสียงเรียกของเรา   เพียงเราเข้ามาหาพระองค์  หัวใจของพระองค์ก็พองโต  หัวใจของพระองค์ก็ยินดี  เพราะพระลักษณะเด่นของพระเจ้านั้นเต็มไปด้วยความยินดี   GOD of Gladness   ทำไม่พระองค์ให้เราเข้าหาพระองค์ก่อน  เพราะพระองค์ต้องการ”ใจสมัคร .” แสดงความเต็มใจในการเลือกพระองค์   แท้จริงแล้วพระองค์ทรงเสาะหาเรา   เหมือนพระองค์ทรงทิ้งฟ้าสวรรค์ ลงมาเป็นบุตรมนุษย์ มาสื่อสาร มาสำแดง ว่าพระองค์ผู้ทรงรักเราเพียงใด  ….


การเปิดเผยสำแดง พระลักษณะของพระเจ้า เชิงสัมพันธภาพ  2  แบบ
พระเจ้าทรงเป็น พระบิดา  God as Father  ที่รัก เอื้ออาธรณ์  ห่วงใย  พระองค์มีสัมพันธภาพแบบพ่อแม่ที่เป็นผู้ให้  ผู้เลี้ยงดู  ไม่ว่าลูก(ผู้เชื่อ)จะเป็นอย่างไรก็รักลูกเสมอ   การเปิดเผยสำแดงนี้เองที่เป็นรากฐานของความเข้าใจเรื่องการบำบัดภายใน   ความรักอันอบอุ่นของพระบิดาเยียวยาเรา  รักษาบาดแผลที่เราได้รับจากพ่อแม่ในวัยเด็กของเรา
พระเจ้าทรงเป็นคนรัก  God as Lover  องค์เจ้าบ่าว  ที่ปรารถนาสัมพันธภาพที่ลึกซึ้งห่วงหาอาธรณ์   เป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ไม่ยอมให้เราเป็นของพระอื่นหรือสิ่งอื่น    รักเราทั้งที่เราไม่นารัก   จำความผิดเราไม่ได้   ทั้งรักทั้งผูกพัน  พระคัมภีร์ให้ความคิดของการ “ เทียมแอก “ “ร่วมครอบครอง”  พระเยซูไม่ต้องการแค่ไถ่เรา  ยกโทษบาปให้เราเท่านั้น  พระองค์ต้องการสร้างเราให้เป็น เจ้าสาวที่คู่ควรที่จะครอบครองร่วมกับพระองค์  เพราะเราจะได้ครอบครองโลกกับพระองค์อย่างบริบูรณ์จริงๆในยุคพันปี    พระองค์จึงใช้เวลาเตรียมเจ้าสาวของพระองค์ให้พร้อม   ให้รักพระองค์ด้วยใจสมัคร

จากปฐมกาลบทที่1 ..2  พระเจ้าทรงสร้างโลกนี้อย่างงดงาม  สมบูรณ์แบบ  แผ่นดิน ท้องทะเล  ท้องฟ้า  ต้นไม้ ธรรมชาติงดงาม  สัตว์นานาพันธ์  อาหารบริบูรณ์  ไม่มีมลภาวะ  ไม่มีความขาดแคน  มีความสุข  อาดัมคุยกับพระเจ้าในสวน  อาดัมปกครองแผ่นดินโลกและสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง เขาแต่งงานกับผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก  แต่ในท่ามกลางความสมบูรณ์แบบนั้นเอง อาดัมและเอวาได้เลือกปฎิเสธพระเจ้าด้วยการกินผลไม้ที่พระเจ้าห้าม  วันนั้นที่อาดัมได้กินผลไม้ แน่นอนพระเจ้าทรงเห็น  และพระองค์รู้แล้วว่าวันหนึ่งพระองค์จะมีคนที่จะเลือกพระองค์ไม่ว่าสถานการณ์รอบข้างจะเป็นอย่างไร    พระเจ้าไม่ไช่แค่เตรียมแผนการไถ่ให้เรารอดจากบาปและผลของบาปเท่านั้นพระองค์ พระองค์ต้องการสร้างมนุษย์ใหม่ที่เต็มไปด้วยสิทธิอำนาจ เป็นเจ้าสาวที่รู้ใจเจ้าบ่าว  เป็นคนที่ได้รับการไถ่ที่ไม่ใช่แค่รอดจากบาปแต่รู้ใจพระเจ้า  รักพระเจ้า และเลือกพระองค์เสมอ   พระเจ้ากำลังพามนุษย์มุ่งไปสู่จุดหมายปลายทาง  ปลายทางของประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติ ปรากฏในหนังสือ วิวรณ์บทที่ 19  คือ งานมงคลสมรสของพระเมษโปดก    ( แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนกษัตริย์องค์หนึ่ง เตรียมงานมงคลสมรสให้บุตรของพระองค์  มัดธาย 24)    เราผู้ที่พระเจ้าไถ่ไว้ กำลังเดินทางสู่งานมงคลสมรสที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้   ขณะนี้พระองค์กำลังเตรียมเจ้าสาวของพระองค์ให้คู่ควร  ให้ครอบครอง เคียงคู่กับพระองค์  มั่นใจในความรักของพระเจ้าเสมอในทุกสถานการณ์ของชีวิต  ในยามทุกข์  ในยามสุข  ในความมั่งคั่ง และ ยากจน   และในท้ายสุดของหนังสือวิวรณ์บอกว่า  .” พระวิญญาณ และ เจ้าสาว  บอกว่า เชิญมาเถิด “  วันหนึ่งเจ้าสาวและพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นหนึ่งเดียวกัน ร้องเชิญพระเยซู  “ เชิญมาเถิด”  …….

ให้เรามาพิจารณารายละเอียด ในบทเพลงโซโลมอน  ที่เป็นหนังสือที่จะช่วยให้เราเข้าใจพระเจ้าอย่างที่พระเจ้าเป็น   รายละเอียดในหนังสือนี้ จะเปิดเผยให้เรารู้จัก อารมณ์ความรู้สึกของพระเจ้า  ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน    
การใกล้ชิดสนิทสนมพระเจ้า  เป็นการเดินทางที่พัฒนาได้ด้วยการเปิดเผยสำแดงของพระวิญญาณบริสุทธิ์  ที่ต้องสะสม  เพิ่มพูนด้วยประสบการณ์พบพระเยซูมากขึ้นๆ   พระเจ้าจะพาเราเดินผ่านวิกฤตการณ์ของชีวิต ทั้งความรู้สึกลบที่มีต่อตัวเอง   อัตลักษณ์ที่ผิดๆ  มองตัวเองด้วยความคิดของโลกนี้  เช่นค่าของเราอยู่ที่การรับใช้ อยู่ที่ผลงาน ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน  พระเจ้าพาเราผ่านวิกฤติการณ์ของชีวิต  ขณะที่พระเจ้ากำลังเขย่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเรา  ทุกอย่างรอบตัวเราสั่นไหว  แต่ พระเจ้าจะพาเราเข้าไปสู่ที่ที่ไม่สั่นไหว  ที่ที่มั่นคง ในความรักอันมั่นคงของพระองค์     พระเจ้าจะพัฒนาชีวิตการนมัสการภายในของเรา    เมื่อเราพบพระองค์ลึกซึ้งมากขึ้น  การนมัสการของเราถูกปลุกเร้าจากการที่เราได้พบพระองค์  ด้วยการเปิดเผยสำแดง  เราเห็นพระองค์  เราจะรู้สึกว่าพระองค์ยอดเยี่ยม  ประเสริฐ  ล้ำเลิศ    เหมือน “   พระองค์ทรงล้ำเลิศเหนือ หมื่นๆคน   ที่รักของฉัน  เขาเป็นเอกในท่ามกลางหมื่นๆคน …   (ซลม  5:10)    
พระเจ้ามองดูเจ้าสาวของพระองค์   ไม่ว่าตอนนี้จะอ่อนแอ   ไม่บริสุทธ์  ยังไม่งดงามเพียงใด   พระองค์มองเราไปที่อนาคตข้างหน้า  “  ที่รักของฉันเอ๋ย  ….. แม่เป็นสง่าน่าคร้ามเกรงดุจกองทัพมีธงประจำ…..”( ซลม 5:4  )      
พระเจ้าทรงมุ่งมั่น ทุ่มเทที่จะตกแต่งให้เจ้าสาวของพระองค์ งดงาม  ครอบครอง  คู่ควรกับองค์เจ้าบ่าว   เราไม่ยืนอยู่บนความมุ่งมั่นของเราแต่บนความมุ่งมั่นของพระองค์ผู้เป็นที่รักยิ่ง และจะไม่ปล่อยเราไปตามยถากรรม  เพียงแต่  ให้เราเข้าใกล้พระเจ้า……………..แล้วพระองค์จะเข้าใกล้ท่าน   แน่นอน พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่อยู่ใกล้  ไม่ใช่พระเจ้าที่อยู่ไกล    พระเจ้าคิดถึงท่าน  คิดถึงมากกกกกกกกกกก พระเจ้าทรงเสาะหาเรา……แม้เราไม่เคยคิดที่จะแสวงหาพระองค์   เมื่อเราพบพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า เราก็จะคิดถึงพระองค์  “ เหมือน ดาวิด บอกว่า คร่ำครวญคิดถึงพระเจ้า แม้บนที่นอน ……..สดด   )

พระคัมภีร์ได้ให้ความเข้าใจเรื่อง ใกล้ชิดสนิทสนมในหลายตอนทั้งพระคัมภีร์เดิมและใหม่  ในหนังสือโฮเชยาพระเจ้าทรงใช้โฮเชยาไปรับหญิงที่นอกใจเขาให้กลับมาเป็นภรรยา เพื่อสอนใจคนอิสราเอลว่าแม้เขานอกใจพระยาเวห์พระองค์ก็ทรงรักเขา     หนังสือบทเพลงโซโลมอนเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่บรรยายว่าพระเจ้าปรารถนาให้เรามีความสัมพันธ์กับพระองค์เหมือนคนรัก  เหมือนกษัตริย์โซโลมอนรักหญิงชาวชูเนม  ที่ได้บรรยายถึงความรู้สึกของเจ้าบ่าวที่มีต่อเจ้าสาวที่จะเปลี่ยนความคิดของเราไปเลย ว่า นี่คือความคิด  ความรู้สึกของพระเจ้าที่มีต่อเราจริงๆนะเนี่ย!  

การเริ่มต้นของบทเพลงรักนี้คือการเปิดเผยสำแดง ( ขอจุมพิตฉัน…..การแตะต้องสัมผัสของพระวิญญาณบริสุทธิ์ )   สัมผัสแรกจากพระวิญญาณทำให้รู้รสความรักของพระเจ้า   (ซลม 1:2) 
2ขอเขาจุบดิฉัน     ด้วยจุบจากปากของเขา   เพราะว่าความรักของเธอดีกว่าเหล้าองุ่น
บทเพลงโซโลมอนให้ความเข้าใจว่า นี่คือวิถีชีวิต  วิถีแห่งปัญญา ทีนำสู่ชีวิตที่ใกล้ชิดสนิทสนมที่เต็มไปด้วยสิทธิอำนาจ ( A path of wisdom to authoritative Intimacy)  ที่ไม่ได้เกิดขึ้นข้ามคืนแต่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผู้เชื่อ/เจ้าสาวได้พบกับพระเจ้าของเธอ     แม้เมื่อเธอเริ่มพบกับวิกฤตกาลในชีวิตครั้งแรก  “ถึงฉันจะดำ  ก็ดำขำ”  ปัญหาที่ผู้เชื่อ/เจ้าสาวรู้สึกว่าตัวเองบกพร่อง  ไม่งามหมดจด  ตัวดำ  ไม่สวย   ปัญหาใหญ่เมื่อเรามองดูตัวเองด้วยสายตาของมนุษย์เราจะไม่ชอบตัวเราเลย  แต่เมื่อพบกับพระองค์ผู้เป็นองค์เจ้าบ่าวของเราแล้วพระองค์ทรงบอกว่าเรางดงาม   เรางาม  และด้วยสายตาที่พระองค์มองดูเรา  เราเชื่อ  เราก็เข้าหา  เข้าใกล้พระเจ้าได้โดยไม่ต้องงามก่อน  พระองค์ทรงรักเราทั้งที่เราดำ  มีตำหนิ  อ่อนแอ   ขี้ท้อใจ  ซึมเศร้าง่าย  พระองค์ทรงรักเจ้าสาวคนนี้แหละ  ด้วยความรักนี้พระองค์ทรงพาเราไปที่งานเลี้ยงเฉลิมฉลอง  ( ซลม2 )  พาเราให้ดื่มด่ำในความรักของพระองค์   สัมผัสในความรักของพระเจ้าเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ  การที่จะรู้สึกว่ามีใครสักคนรักเรา  รักเรา  ช่างเป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตได้วิเศษอะไรเช่นนี้   เรารู้สึกว่าเรามีคุณค่า   เรามั่นใจในความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรา  ยิ่งได้ใช้เวลาอยู่กับพระองค์ก็ได้รู้จักพระองค์มากขึ้น ดังคำที่เขียนไว้ว่าได้ลิ้มรสหวาน… (ซลม 2:2-3)
ดอกพลับพลึงท่ามกลางต้นกระชับนั้นอย่างไร   ที่รักของฉันก็อยู่เด่นในท่ามกลางสาวอื่นๆอย่างนั้น   
ต้นท้อขึ้นอยู่กลางต้นไม้ป่าอย่างไร   ที่รักของดิฉันก็อยู่ท่ามกลางชายหนุ่มอื่นๆอย่างนั้น   
ดิฉันอยากนั่งอยู่ใต้ร่มของเขา   และผลของเขา  ดิฉันได้ลิ้มรสหวาน    
องค์เจ้าวบ่าวของเราอยากให้เรารู้จักกับความรักของพระองค์มากขึ้น พระองค์ทรงพาเราออกไปยังที่ที่เราไม่คุ้นเคย (out of comfort zone)   ในบทที่สาม  เมื่อเจ้าสาวได้พรัดพรากจากเจ้าบ่าวอันเป็นที่รัก   เดินสู่ สงครามฝ่ายวิญญาณในบทที่ สี่   และเดินสู่คำคืนที่มืดมิดและยาวนาน  องค์เจ้าบ่าวพาเจ้าสาวสู่ช่วงเวลาที่เจ็บปวดดูเหมือนไม่มีทางออก  (dark night of soul) และในที่สุด เจ้าสาวก็ออกมาจากถิ่นทุรกันดาร  ผ่านศึกสงครามอย่างมีชัยชนะ  (ซลม 6:4,10) 4ที่รักของฉันเอ๋ย  แม่ช่างสวยงามประหนึ่งเมืองทีรซาห์   และงามเย็นตาดังเยรูซาเล็ม   แม่เป็นสง่าน่าคร้ามเกรงดังกองทัพ    5ขอเบือนเนตรไปจากฉันเถอะ   
เพราะว่าฉันแพ้นัยน์ตาของเธอแล้ว   …..10“แม่สาวคนนี้เป็นผู้ใดหนอ  เมื่อมองลงก็ดังอรุโณทัย   
แจ่มจรัสดังดวงจันทร์  กระจ่างจ้าดังดวงสุริยัน   สง่าน่าเกรงขามดังกองทัพมีธงประจำ   การเดินกับองค์เจ้าบ่าวผ่านร้อนผ่านหนาวทำให้เธองดงามเข้มแข็ง  และเจ้าสาวพูดอย่างมั่นใจ  7:10 ว่า ตัวดิฉันเป็นกรรมสิทธิ์ของที่รักของดิฉัน   และความปรารถนาของเขาก็เจาะจงเอาตัวดิฉัน   
เจ้าสาวเดินใกล้ชิดกับองค์เจ้าบ่าว เธอมีชัยชนะดุจกองทัพที่ผ่านศึกสงคราม เดินออกมาจากถิ่นทุรกันดารอิงแอบแนบพระองค์ผู้เป็นที่รักยิ่ง   เพราะความรักมากมายที่เธอได้รับเธอไม่กลัวอนาคตอีกต่อไป  ดัง ซลม 8:5-10
แม่คนนี้ที่ขึ้นมาจากถิ่นทุรกันดาร    อิงแอบแนบมากับคู่รัก   คือใครที่ไหนหนอ   
ดิฉันได้ปลุกเธอเมื่อเธออยู่ใต้ต้นท้อ   ที่นั่นแหละที่มารดาของเธอได้ปวดร้าวเพราะเธอ   
ที่ตรงนั้นแหละผู้ที่คลอดเธอได้เจ็บครรภ์   
จงแนบดิฉันไว้ให้เป็นเนื้อเดียว   ดุจดวงตราแขวนอยู่ที่ใจของเธอ   ประดุจดวงตราบนแขนของเธอ   
เพราะความรักนั้นเข้มแข็งอย่างความตาย   ความรักรุนแรงก็ดุเดือดเหมือนแดนคนตาย   
และประกายแห่งความรักรุนแรงนั้นก็คือประกายเพลิง   คือประกายเพลิงที่แสนรุนแรง   
7น้ำมากหลายไม่อาจดับความรักให้มอดเสียได้   หรืออุทกธารทั้งหลายไม่อาจท่วมความรักให้สำลัก ตายเสียได้   แม้ว่าคนใดจะเอาทรัพย์สมบัติในเหย้าเรือนของตนทั้งสิ้น   มาแลกกับความรักนั้น   
คนนั้นคงได้รับความหมิ่นประมาทจากคน ทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง   
บทเพลงโซโลมอนช่วยให้เราอยู่ใกล้พระเจ้า  สนิทสนมกับพระองค์  เดินกับพระองค์ด้วยความมั่นใจในความรักของพระองค์  ไว้วางใจในการนำของพระองค์  พระองค์จะสอนเราให้ทำสงครามด้วยสิทธิอำนาจ  ให้เราเป็นเจ้าสาวที่คู่ควรเทียมแอกกับพระองค์  ที่ความรัก  ไฟรักร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ 

บทเพลงโซโลมอน  คล้ายกับ คำอธิษฐานของพระเยซู ( ยฮ 17 : 24-26   ) “อยู่ในที่พระเยซูอยู่…………ให้ความรักที่พระบิดารักพระเยซูอยู่ในผู้เชื่อ  ……….”   ถ้าเพียงแต่เราได้อยู่กับพระองค์เราก็จะซาบซึ้งในความรักของพระองค์ที่มีต่อเรา  ดังคำอธิษฐานของ อ.เปาโลเพื่อคริสตจักรเอเฟซัสให้ซาบซึ้งในความรักของพระเจ้า… เพื่อเราจะรับความไพบูลย์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม  ( อฟซ 3)    หนุนใจให้เราใช้พระคัมภีร์นี้มาอธิษฐานในชีวิตประจำวัน โดยเริ่มจาก อฟซ 1 :17..ขอการเปิดเผยสำแดง ……….

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น